ภูมิธรรมปรับทัพมหาดไทย เคลื่อนเครื่องจักรราชการรับศึกยาเสพติด
ขยับเครื่องจักรราชการ
การโยกย้ายข้าราชการระดับสูงภายในกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ไม่ใช่เพียงการปรับตำแหน่งตามวาระประจำปี แต่คือการส่งสัญญาณเชิงนโยบายจาก “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่ากลไกมหาดไทยจำเป็นต้องถูก "ขยับ" เพื่อให้ตอบสนองต่อโจทย์เร่งด่วนของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด ความมั่นคงในพื้นที่สีแดง หรือการเตรียมความพร้อมต่อวาระการเลือกตั้งท้องถิ่นในอนาคต
แม้เจ้าตัวยืนยันว่า “ไม่มีสี มีแต่สีมหาดไทย” และย้ำว่าไม่เกี่ยวการเมือง แต่การเปลี่ยนตัวข้าราชการหัวหน้ากรมที่อยู่ในสายตาของฝ่ายการเมืองก็ทำให้เกิดคำถามว่าแท้จริงแล้ว นี่คือการ "ล้างไพ่" หรือ “เร่งเครื่อง” กันแน่
เปิดเกม "ปรับทัพ"
ข่าวลือเริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ก่อนจะยืนยันด้วยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ให้ “นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์” อธิบดีกรมการปกครอง และ “นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์” อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ขณะเดียวกันมีการแต่งตั้ง “นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร” อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มาเป็นอธิบดีกรมการปกครอง และ “ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์” อดีตผู้ว่าฯ เพชรบุรี มาเป็นอธิบดี สถ. แทน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดจึงย้ายทั้งที่ใกล้เกษียณ และเกี่ยวข้องกับสายการเมืองหรือไม่ ภูมิธรรมตอบชัดว่า “ไม่เกี่ยวกับสี แต่เกี่ยวกับงาน” พร้อมชี้ว่าหลายคนในลิสต์ไม่แอ็กทีฟ และไม่ตอบโจทย์งานสำคัญ เช่น ยุทธศาสตร์ Seal Stop Safe ในการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งรัฐบาลผลักดันอย่างจริงจัง
มหาดไทยคืออะไร ทำไมถึงต้อง “ขยับ”
หากเปรียบรัฐบาลเป็นเครื่องบิน กระทรวงมหาดไทยก็เปรียบได้กับ “ระบบไฮดรอลิก” ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวในทุกระดับ โดยดูแลทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกว่า 70 คน นายอำเภอทั่วประเทศ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับภารกิจของทุกกระทรวง
ด้วยโครงสร้างแบบนี้ หากกลไกใดติดขัดหรือไม่เคลื่อนไหว การผลักดันนโยบายไม่ว่าจะดีเพียงใดก็ไม่อาจไปถึงประชาชนได้จริง การปรับเปลี่ยนบุคลากรจึงไม่ใช่แค่ “โยกย้าย” แต่คือการ “บังคับเครื่องจักรให้เดิน”
Seal Stop Safe กับแรงกดดันของเวลา
โครงการ Seal Stop Safe คือหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญที่ภูมิธรรมใช้วัด “สมรรถภาพของระบบราชการ” โดยเฉพาะกรมการปกครองที่มีบทบาทด้านความมั่นคง การควบคุมพื้นที่ยาเสพติด และการประสานงานกับฝ่ายปกครองท้องถิ่น
เขาย้ำว่าการเปลี่ยนตัวไม่ต้องรอจนจบระยะเวลา 3 เดือน เพราะหากพบว่าหน่วยใดไม่มีความคืบหน้าก็ควร “ดำเนินการ” ทันที ซึ่งคำว่าดำเนินการในที่นี้ ไม่ใช่แค่ปรับปรุง แต่รวมถึง “ปรับออก” ด้วย
สีไม่มี…แต่มีกลิ่น?
แม้ภูมิธรรมจะปฏิเสธชัดว่าไม่ได้ย้ายข้าราชการเพราะความใกล้ชิดกับรัฐมนตรีมหาดไทยคนเก่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอธิบดีทั้งสองคนเป็นที่รู้กันว่าอยู่ในสายการเมืองกลุ่ม “บุรีรัมย์” ซึ่งมีอิทธิพลต่อกระทรวงมหาดไทยมายาวนาน
การที่ภูมิธรรมย้ำว่า “ไม่เกี่ยวกับสายบุรีรัมย์” แต่ยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนมีส่วนเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการทำงาน ยิ่งชวนให้นักการเมือง–นักวิเคราะห์บางส่วนตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการลดทอนอิทธิพลเก่าและสร้างกลไกใหม่ในแบบที่ “ร่วมมือกับรัฐบาล” ได้มากกว่าเดิม
เดิมพันเชิงยุทธศาสตร์ ก่อนเลือกตั้งท้องถิ่น?
แม้ภูมิธรรมจะบอกว่า “ไม่ได้คิดเรื่องเลือกตั้ง” แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ตำแหน่งอย่างอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะมีบทบาทโดยตรงกับการจัดการเลือกตั้ง อบต.–อบจ.–เทศบาล ซึ่งเป็นกลไกทางการเมืองระดับรากหญ้าที่เชื่อมโยงกับทุกพรรคการเมือง
หากใช้โอกาสนี้เพื่อปรับกลไกให้ตอบสนองเร็วขึ้น และกำกับได้ใกล้ชิดมากขึ้น ก็อาจส่งผลต่อสมดุลทางการเมืองในระยะยาว ซึ่งเป็นทั้ง “โอกาส” และ “ความเสี่ยง” ของรัฐบาลเองด้วย
จากขยับคน สู่ขยับระบบ?
คำถามสำคัญหลังการปรับทัพคือ “การเปลี่ยนตัวคน” จะเปลี่ยนระบบได้หรือไม่? เพราะหากระบบราชการยังยึดหลักลำดับชั้นแบบเดิม มีภาระงานซ้ำซ้อน หรือถูกจำกัดด้วยโครงสร้างงบประมาณ–อำนาจตามกฎหมาย การโยกย้ายเพียงคนเดียวอาจไม่เพียงพอ
แต่นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หากภูมิธรรมใช้โอกาสนี้ในการ “รีเซ็ต” วิธีคิดใหม่ เช่น พัฒนาเครื่องมือประเมินผลราชการรายพื้นที่ หรือเปิดเวทีให้ประชาชน–องค์กรท้องถิ่นร่วมตรวจสอบกลไกภาครัฐมากขึ้น
รีเซ็ตมหาดไทย หรือล้างกระดานการเมือง?
มติ ครม. อาจแค่บรรทัดเดียวในหนังสือราชการ แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลระยะยาวต่อการบริหารประเทศ เพราะมหาดไทยไม่ใช่กระทรวงทั่วไป แต่คือ “ศูนย์ประสานทุกนโยบาย” ของรัฐบาลไปสู่ภูมิภาค
หากภูมิธรรมทำได้ การขยับครั้งนี้อาจเป็น “รหัสต้นทาง” ของการปฏิรูประบบราชการเชิงรุก แต่ถ้ากลไกยังไม่เดิน หรือข้าราชการชุดใหม่ไม่ตอบโจทย์จริง ก็อาจกลายเป็นเพียง “การจัดวางคน” ที่เปลี่ยนหน้าแต่ไม่เปลี่ยนเกม
เพราะสุดท้ายแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่ “ใครอยู่ตำแหน่งไหน” แต่อยู่ที่ “ระบบ” ทำงานเพื่อตอบโจทย์ประชาชนได้จริงหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ภูมิธรรม" ย้ำ! ลิสต์โยกข้าราชการมีจริง ยึดผลสัมฤทธิ์เป็นหลัก
- "เดชอิศม์" ไม่เกี่ยงงานนั่ง มท.3 ประกาศลุยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน
- "ภูมิธรรม" ขออย่าโยงเหตุลอบวางระเบิดสนามบินภูเก็ตกับป่วน 3 จชต.
- "ภูมิธรรม" มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล ชี้ปรับ ครม.จบภายในสัปดาห์นี้
- "อนุทิน" มั่นใจเก้าอี้ มท.1 ยังเหนียวแน่ หากถูกปรับออกพร้อมเป็นฝ่ายค้าน