วัดใจ”บิ๊กต่าย”ตั้ง2แพทย์ใหญ่ ฝ่าดงชนัก”คดีทักษิณ”ป่วยทิพย์
การเมืองไทยนับถอยหลัง รัฐบาลเป็ดง่อย ไร้หัวผู้นำประเทศ ขาดเสถียรภาพความมั่นคง เศรษฐกิจล้มเหลว ตระกูล ชินวัตร ที่ยึดผลประโยชน์ของครอบครัวตัวเองมากกว่าผลประโยชน์ของชาติ ถูกลากมาตบโชว์สายตาคนทั้งโลกด้วยคลิปเสียงอังเคิล ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา สนทนากับ อุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทั่งนำไปสู่คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ มติ 7 ต่อ 2 เสียง ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
ศึกนอกศึกในรัฐบาลแพ้ราบคาบ แม้แต่ พ่อนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร ก็เอาตัวแทบไม่รอด แต่ละวันต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ทั้งคดี ม.112 ที่ศาลอาญารัชดาฯ และคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ปม ป่วยทิพย์ งวดเข้ามาทุกที ศาลเรียกไต่สวนพยานทั้งเดือนกรกฎาคม ล่าสุดนัดที่ 3 ที่ผ่านมา เรียกสอบพยานปากสำคัญ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ทั้งผู้อนุมัติให้นายทักษิณย้ายออกไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ หัวหน้าเวร รวมถึงผู้คุมขณะขนย้ายจากเรือนจำไป รพ.และเฝ้าติดตามอาการต่อเนื่องขณะพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14
โดยมีรายงานว่า นัดต่อไป ศาลเรียกไต่สวนพยานในส่วนของ แพทย์และเจ้าหน้าที่ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ รพ.ตำรวจ ในกระบวนการขั้นตอนการรักษาอาการผู้ป่วยทั้งหมด พยานคนสำคัญประกอบไปด้วย พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. อดีตแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ที่ถูกคณะกรรมการแพทยสภาสอบจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์ สั่งพักใบอนุญาต โดย พล.ต.ท.โสภณรัชต์ โดน 3 เดือน เหตุให้สัมภาษณ์เกินจริงของอาการป่วย ส่วน พล.ต.ท.ทวีศิลป์ โดน 6 เดือน ไม่ได้เป็นผู้ตรวจ แต่ลงนามความเห็นส่งกรมราชทัณฑ์ 2 ครั้ง ให้รักษาตัวต่อเนื่องใน รพ. ทั้งที่แพทย์ตรวจอาการไม่ได้บอกว่ามีอาการป่วยวิกฤต
ตลอดเวลาหลายปีที่ ทักษิณ ครองอำนาจ รูปธรรมอย่างหนึ่งเป็นที่ประจักษ์ คนรอบข้างเป็นอันต้องมีคดีติดตัว หลายรายต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ไม่เว้นแม้แต่รัฐมนตรี เช่นเดียวกับคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ทั้งอดีตแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจและแพทย์ใหญ่คนปัจจุบันถูกหางเลขสั่งพักใบอนุญาต วิชาชีพของแพทย์แล้วถือเป็นเรื่องใหญ่
ทั้งนี้ 2 นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ มี 2 บทบาทคือ บทบาท หมอ และบทบาท ตำรวจ ในส่วนการผู้รักษาคนไข้ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติแล้ว แต่อีกบทบาทตำรวจกำลังเป็นที่จับตาของสังคม เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีบันทึกข้อความเรื่อง ประกาศลำดับอาวุโสข้าราชการตำรวจ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง จตช. ลงมาถึง รอง ผบก. วาระประจำปี 2568 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ระบุตามหนังสือ ตร. ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ประกาศลำดับอาวุโส ข้าราชการตำรวจระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.และรอง จตช.ลงมาถึงรอง ผบก.ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ในการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นแต่ละระดับตำแหน่งให้ข้าราชการตำรวจทราบ และหากข้าราชการตำรวจสอบแล้วเห็นว่าข้อมูลในการจัดทำลำดับอาวุโสของตนไม่ถูกต้อง สามารถยื่นเรื่องต่อ ตร. (ผ่าน ทพ.) พร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาทบทวนได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันประกาศ
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจเช็กรายชื่อลำดับอาวุโส ผู้ช่วย ผบ.ตร. 8 อันดับแรก ประกอบด้วย ลำดับ 1.พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. 2.พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. 3.พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง จตช. ลำดับ 4.พล.ต.ท.ณพวัฒน์ อารยางกูร ผู้ช่วย ผบ.ตร. 5.พล.ต.ท.ธนพล ศรีโสภา รอง จตช. 6.พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. 7.พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ 8.พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร.
โดยอาวุโสลำดับ 1 และอันดับ 2 แทนที่ตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ที่ใกล้เกษียณอายุราชการ 2 ตำแหน่งทันที แต่หากเสนอพิจารณาเปิดตำแหน่งใหม่ให้กับผู้ช่วย ผบ.ตร.มีตำแหน่งเฉพาะด้าน จะเปิดช่องว่างให้ลำดับอาวุโสลำดับที่ 3 นั่งตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ได้ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. 13 ตำแหน่ง มีว่างลง 5 ตำแหน่ง ที่กำลังเกษียณอายุราชการ และขอการเกษียณอายุก่อนถึงกำหนดเกษียณอายุตามปกติ และทดแทนตำแหน่งรอง ผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง รวมทั้งหมด 7 ตำแหน่ง ลำดับอาวุโสระดับผู้บัญชาการ 7 อันดับแรก ประกอบด้วย 1.พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 2.พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. 3.พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผบช.สง.ก.ตร. 4.พล.ต.ท.อุดร ยอมเจริญ ผบช.ส. 5.พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ พตร. 6.พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 และ 7.พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเปิดตำแหน่งเพิ่มในตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือมีรอง ผบ.ตร.โอนย้ายหน่วยไปส่วนราชการอื่น จะสามารถพิจารณาผู้บัญชาการเพิ่มได้อีก 1 ตำแหน่ง ทำให้ลำดับอาวุโสผู้บัญชาการขยับเพิ่มขึ้นอีก 1 ตำแหน่ง อาจทำให้ลำดับที่ 9 พล.ต.ท.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ จตร. มีสิทธิ์ลุ้นขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.หรือตำแหน่งเทียบเท่าได้ต่อไป
ตามลำดับอาวุโสที่ประกาศ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ อาวุโสอันดับ 2 จะได้ขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร. ทันที เช่นเดียวกันกับ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ จะได้โอกาสเลื่อนชั้นขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตามลำดับ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความเหมาะสม ทำให้ภาคประชาชนอย่างกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และกองทัพธรรม นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล ได้ไปยื่นหนังสือร้องถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. เพื่อให้มีคำสั่งให้ข้าราชการแพทย์ตำรวจ 2 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนทางอาญาและวินัยร้ายแรง ให้ช่วยเหลือเอื้อนายทักษิณนอนรักษาตัวที่ชั้น 14
ต่อด้วย “หมอตุลย์” นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะอดีตแกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี ยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร.คัดค้านการเลื่อนตำแหน่ง พล.ต.ท.โสภณ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เนื่องจากทั้ง 2 นายมีมติชัดเจนจากแพทยสภาว่ากระทำผิดจริยธรรมทางการแพทย์ เข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 112 และหากมีการเลื่อนตำแหน่งในช่วงที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างร้ายแรง
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ น.ส.แพทองธาร ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. นายทักษิณเป็น พ่อประธาน ก.ตร. “รพ.ตำรวจ” อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ตร. ภาคประชาสังคมหรือภาคประชาชนย่อมตั้งข้อสังเกต ตั้งคำถามได้ถึงการตอบแทนเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน
จากมติของแพทยสภา “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผบ.ตร. ในบทบาทของ ตำรวจ ได้สั่งการให้จเรตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปตามขั้นตอน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ นำเรื่องจริยธรรมตำรวจมาพิจารณาร่วมด้วย “ผมจะทำอะไรลูกน้องต้องมีความเป็นธรรม มีความเป็นกลาง ว่าไปตามกฎหมายและคำสั่ง” ส่วนทั้ง 2 มีลำดับอาวุโสจะขึ้นเป็นรอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ต้องพิจารณาตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขเข้าสู่ตำแหน่งอยู่ระหว่างการพิจารณาตามกรอบวาระแต่งตั้ง นายพล ประจำปีต้องแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม โดยยึดหลักอาวุโส 50%
ถ้าเป็นไปตามนั้น 2 แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ที่ถูกมติแพทยสภาสั่งพักใบอนุญาตจะได้เลื่อนชั้นตำแหน่งที่สูงขึ้น ต้องวัดใจ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผบ.ตร. จะฝ่าดงคุณสมบัติความเหมาะสม-จริยธรรม และต้องหาคำตอบให้กับสังคมให้ได้ ได้เลื่อนตำแหน่งเพราะอะไร หรือถ้าไม่ได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น จะใช้ระเบียบหรือกฎหมายตัวไหนรองรับ ถ้าพลาดมาอาจส่งผลต่อเก้าอี้ ผบ.ตร. ที่ยังเหลือเวลาอีก 1 ปี กฎหมายกับความเหมาะสมต้องชั่งน้ำหนักกันให้ดี.