อย.สหรัฐฯ รับรอง ถั่วที่ช่วย "กำจัด" ไขมันเลวจากเลือด คนไทยยิ้มเลย มีกินราคาถูก!!!
FDA สหรัฐฯ ยืนยัน “ถั่วเหลือง” ช่วยลดไขมันเลวในเลือดได้จริง คนไทยกินได้ง่าย ราคาประหยัด
ในยุคที่โรคไขมันในเลือดสูงและปัญหาหัวใจเป็นภัยสุขภาพอันดับต้นๆ ของคนไทย นักโภชนาการแนะนำให้เริ่มจากการปรับอาหารใกล้ตัว ล่าสุดองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ออกมายืนยันว่า “ถั่วเหลือง” ที่คนไทยรู้จักและรับประทานเป็นประจำ มีสรรพคุณโดดเด่นในการช่วยลดไขมันเลวในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังดีต่อระบบหัวใจอีกด้วย
ถั่วเหลือง ซูเปอร์ฟู้ดที่ทั้งลดไขมันในเลือดและบำรุงเลือด เป็นอาหารพื้นบ้านที่มีอยู่ทั่วไปในครัวไทย ทั้งในรูปแบบเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ หรือถั่วเหลืองต้มสุก ซึ่งไม่เพียงแต่ราคาย่อมเยาเท่านั้น แต่ยังถูกยกย่องว่าเป็น "ซูเปอร์ฟู้ดสองคุณค่า" เพราะมีทั้งโปรตีนสูง และมีแร่ธาตุสำคัญอย่าง ธาตุเหล็ก ที่ช่วยบำรุงโลหิต
ผลการวิเคราะห์จาก 35 งานวิจัยระดับนานาชาติ ยืนยันว่า การรับประทานถั่วเหลืองเป็นประจำสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ได้อย่างชัดเจน พร้อมกับเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) ในร่างกายเล็กน้อย ส่งผลดีต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ
โปรตีนจากถั่วเหลือง เทียบเท่ายาลดไขมันบางชนิด โดยหนึ่งในสารอาหารสำคัญในถั่วเหลือง คือ B-conglycinin ซึ่งเป็นโปรตีนพิเศษที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ที่ตับใช้ในการผลิตคอเลสเตอรอล ทำให้ลดการสะสมไขมันที่ตับได้มากถึง 50–70% ซึ่งมีผลใกล้เคียงกับยาลดไขมันบางชนิดในท้องตลาด
นอกจากนี้ FDA สหรัฐฯ ได้ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 1999 ว่า การบริโภคโปรตีนจากถั่วเหลือง 25 กรัมต่อวัน เมื่ออยู่ในแผนอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวต่ำ สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้
- ของดีมื้อเช้า! เครื่องดื่มที่ช่วย “ดักจับ” ไขมันเลว ไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือด แถมดีต่อหัวใจด้วย
- รวมมาให้เลือกกิน! ถั่ว 5 ชนิด “อินซูลินธรรมชาติ” ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ปรับระดับให้คงที่
อีกหนึ่งประโยชน์ที่น่าสนใจของถั่วเหลืองคือ เป็นแหล่งธาตุเหล็กจากพืชที่ดูดซึมได้ดี โดยธาตุเหล็กในถั่วเหลืองส่วนใหญ่อยู่ในรูปของเฟอริติน (ferritin) ซึ่งดูดซึมง่ายกว่าสารประกอบเหล็กทั่วไปในพืช
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน The American Journal of Clinical Nutrition ระบุว่า ผู้หญิงที่มีภาวะโลหิตจางเล็กน้อยที่รับประทานซุปถั่วเหลือง มีอัตราการดูดซึมธาตุเหล็กสูงถึง 27% ซึ่งเกือบเทียบเท่ากับการรับประทานธาตุเหล็กสังเคราะห์
นักโภชนาการแนะนำวิธีรับประทานถั่วเหลืองให้ได้ผลดีที่สุด ดังนี้
ควรบริโภคโปรตีนจากถั่วเหลือง วันละ 25–50 กรัม (เช่น เต้าหู้ 100 กรัม หรือน้ำเต้าหู้ 1–2 แก้ว)
ควรรับประทานคู่กับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น พริกหวาน ส้ม หรือมะนาว เพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก
หลีกเลี่ยงถั่วเหลืองแปรรูป เช่น แบบทอดหรือผัดน้ำมันมากเกินไป เพราะอาจลดคุณค่าทางโภชนาการ
ถั่วเหลือง จึงเป็นอาหารประจำบ้าน ที่เปรียบเสมือนเป็นยารักษาโรคทางอ้อม ในขณะที่โรคหัวใจและไขมันในเลือดสูงยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทย ถั่วเหลืองจึงกลายเป็นทางเลือกที่ทั้งดีต่อสุขภาพและเข้าถึงง่าย โดยไม่ต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์ราคาแพง แม้ว่าจะไม่สามารถใช้แทนยาได้โดยสมบูรณ์ แต่การรับประทานถั่วเหลืองอย่างต่อเนื่องในปริมาณที่เหมาะสม ถือเป็นหนึ่งในแนวทางโภชนาการเชิงป้องกัน ที่ช่วยดูแลหัวใจ ตับ และระบบเลือดได้ในระยะยาว
เพราะสุขภาพดี เริ่มต้นได้ที่จานอาหาร และ "ถั่วเหลือง" คือทางเลือกที่ทั้งปลอดภัย ประหยัด และได้ผลจริง!