พาณิชย์ เผย ฟิลิปปินส์ไฟเขียวนำเข้าน้ำตาล 4.24 แสนตัน เพิ่มโอกาสไทยส่งออก
เว็ปไซต์กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปินส์ เผยว่า หนังสือพิมพ์ Philstar รายงานว่า สำนักงานส่งเคณะกรรมการสำนักงานกำกับดูแลน้ำตาล (Sugar Regulatory Administration: SRA) ได้อนุมัติ การนำเข้าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (Refined Sugar) ปริมาณ 424,000 ตัน ในปี 2568 เพื่อให้มีปริมาณน้ำตาลเพียงพอและป้องกันไม่ให้ราคาขายปลีกพุ่งสูงขึ้น
โดยสำนักงานกำกับดูแลน้ำตาล (SRA) ได้พิจารณาจากข้อมูลปริมาณการจัดหาและการเบิกจ่ายน้ำตาลในอดีต รวมถึงความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมอ้อย ก่อนตัดสินใจกำหนดโครงการนำเข้าน้ำตาลในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันปริมาณและราคาน้ำตาลในตลาดจะมีเสถียรภาพ แต่คณะกรรมการ SRA ระบุว่า การสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวอ้อยและปริมาณสต็อกน้ำตาลที่จำกัด ทำให้ภาครัฐจำเป็นต้องเข้ามาแทรกแซงเพื่อให้ปริมาณและราคาน้ำตาลยังคงมีเสถียรภาพโดยเสริมว่าคณะกรรมการ SRA เห็นว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการแทรกแซงจากภาครัฐอย่างทันท่วงทีผ่านการนำเข้าน้ำตาล โดยคณะกรรมการ SRA ได้ระบุในคำสั่งน้ำตาล ฉบับที่ 8 (Sugar Order 8) ว่าการนำเข้าน้ำตาลในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ประเทศมีปริมาณน้ำตาลที่เพียงพอสำหรับการบริโภคภายในประเทศและสต็อกสำรอง
ซึ่งตามแนวทางที่ระบุไว้ในคำสั่งน้ำตาลฉบับที่ 8 ซึ่งน้ำตาลจะเริ่มทยอยนำเข้าได้ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ม 2568 และจะต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พ.ย.น 2568
โดยน้ำตาลที่นำเข้าจะถูกจัดประเภทเป็นน้ำตาลประเภท “C” หรือน้ำตาลที่สำรองไว้ ซึ่งยังไม่สามารถวางขายในท้องตลาดได้ทันทีจนกว่าจะมีการจัดประเภทน้ำตาลใหม่โดย SRA
ทั้งนี้คำสั่งน้ำตาลฉบับที่ 8 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ก.ค. 2568 โดย SRA ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ อาจมีรายได้สูงสุดถึง 279.84 ล้านเปโซ จากค่าธรรมเนียมพิธีการศุลกากรการนำเข้าสต็อกน้ำตาล
โดยกำหนดค่าธรรมเนียมพิธีการศุลกากรอยู่ที่ 33 เปโซต่อถุงขนาด 50 กิโลกรัม ซึ่งปริมาณการนำเข้าทั้งหมดจะถูกจัดสรรให้กับบริษัทที่เคยเข้าร่วมโครงการของ SRA ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ คณะกรรมการ SRA ได้เชื่อมโยงโครงการนำเข้าน้ำตาลกับโครงการต่างๆ ที่มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนรายได้ของเกษตรกรในประเทศ ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพของราคาขายปลีก โดยผู้นำเข้าที่ได้รับสิทธิบางรายเป็นผู้ที่ซื้อน้ำตาลทรายดิบจากเกษตรกรในราคาสูงกว่าราคาตลาด ในขณะที่บางรายจะเป็นผู้สมัครใจส่งออกน้ำตาลดิบไปยังสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลล่าสุดจาก SRA ณ วันที่ 22 มิ.ย. 2568 ระบุว่า ปริมาณผลผลิตน้ำตาลดิบของประเทศในฤดูการผลิตปี 2567–2568 อยู่ที่ 2.06 ล้านตัน ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในรอบ 4 ปี อย่างไรก็ตาม ภาครัฐประเมินว่า ความต้องการบริโภคน้ำตาลภายในประเทศอยู่ที่ประมาณ 2.2 ถึง 2.4 ล้านตัน
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา วิเคราะห์ ว่า “น้ำตาล” ถือเป็นสินค้าอ่อนไหวของฟิลิปปินส์ที่มีการควบคุมการนำเข้าโดยการใช้มาตรการโควตาภาษี (Tariff-Rate Quotas: TRQs) โดยมีสำนักงานกำกับดูแลน้ำตาล (SRA) ภายใต้กระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย กำกับดูแล รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำตาล
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์สามารถผลิตน้ำตาลเพื่อการบริโภคภายในประเทศและส่งออกบางส่วน โดยมีการบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยปีละประมาณ 2.3 ล้านตันต่อปี แยกเป็น50 %ถูกใช้ในภาคอุตสาหกรรม (Industrial users) โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดี่ม 32 % ถูกใช้ในภาคครัวเรือน และ 18 % ถูกใช้ในสถาบัน/ภาคธุรกิจอื่นๆ เช่น โรงพยาบาล ร้านอาหาร และร้านเบเกอร์รี่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ฟิลิปปินส์จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำตาลในบางช่วงเวลาที่ขาดแคลน โดยจะเปิดให้มีการนำเข้าเมื่อผลผลิตประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ
"การอนุมัตินำเข้าน้ำตาลปริมาณ 424,000 ตัน จะช่วยส่งผลให้การส่งออกน้ำตาลของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีต่อผู้ประกอบการส่งออกน้ำตาลของไทย ทั้งนี้ น้ำตาลไทยยังได้รับความนิยมในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของฟิลิปปินส์ด้วยคุณภาพและมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในตลาดโลก "สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา ระบุ
ทั้งนี้ ในปี 2567 ไทยส่งออกสินค้าน้ำตาลทรายไปยังตลาดฟิลิปปินส์ มีมูลค่า 121.38 ล้านดอลลาร์ ลดลง 67.02 % จากปี 2566 ที่มีมูลค่า 368 ล้านดอลลาร์ สำหรับในปี 2568 (เดือนม.ค. – มิ.ย.) ไทยส่งออกน้ำตาลมายังฟิลิปปินส์ มูลค่า 20.29 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4.24 % จากช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่มีมูลค่า 19.47 ล้านดอลลาร์