กมธ.ความมั่นคง ถกปมคลิปเสียงฮุนเซน ชี้ละเมิดอำนาจอธิปไตยไทย ปล่อยไว้ไม่ได้
กมธ.มั่นคงฯ เชิญ นายกฯ-รมว.กต. เข้าแจงปมคลิปเสียงหลุด "รังสิมันต์" บอกได้รับความมือจากฝ่ายบริหารค่อนข้างน้อย ย้ำทำลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชาได้คือช่วยประเทศระยะยาว
3 กรกฎาคม 2568 - เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมกมธ.วาระพิจารณาศึกษาปัญหาคลิปเสียงหลุดที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน กรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และกรณีคลิปเสียง การสนทนาระหว่างบุคคลเสียงคล้ายสมเด็จฮุน เซน สั่งนายเคลียง ฮวด ไล่ล่าผู้เห็นต่างทางการเมืองในประเทศไทย โดยเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม อาทิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อัยการสูงสุด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นต้น
โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่า ทางกมธ. ได้เชิญนายกฯ แต่ตอนนี้นายกฯ โดนสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตอนนี้ก็ยังไม่มี สำหรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น จากที่ทราบคือไม่ได้มาด้วยตัวเอง ดังนั้น เบื้องต้นเรายังต้องถือว่าเราได้รับความร่วมมือจากฝ่ายบริหารค่อนข้างน้อย ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ โดยในเรื่องคลิปเสียงมี 2 ส่วนใหญ่ คลิปที่ 1 คือ น.ส.แพทองธารกับสมเด็จฮุน เซน ซึ่งต้องยอมรับว่ามีปัญหาแน่นอน ทั้งในเชิงวิธีการและเชิงเนื้อหา และคลิปที่ 2 คือคลิปที่มีการสั่งฆ่าคนกัมพูชาบนแผ่นดินไทยที่มีข้อสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจที่อยู่ในกัมพูชา ดังนั้น ทั้งสองส่วนนี้ เราพยายามจะสอบหาข้อเท็จจริง และพิจารณา ซึ่งทั้งสองคลิปมีความร้ายแรงโดยเฉพาะในคลิปที่ 2 ที่เกี่ยวพันกับการละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย เราปล่อยไว้ไม่ได้
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ตอนนี้พูดคุยยังไม่ง่ายเพราะกัมพูชายืนยันว่าจะไปศาลโลก และมีความพยายามที่จะไปคุยกับนักกฎหมายของชาติอื่นในยุโรป ในการเตรียมการขึ้นศาลโลก แม้ว่ากัมพูชาจะใช้วิธีการลักษณะที่เหมือนเป็นการประกาศแสดงความจำนง ถึงแม้ไม่ใช่เป็นการนับหนึ่งในการขึ้นศาลโลก แต่ก็มีการพยายามที่จะยั่วยุให้ประเทศไทยต้องทำอะไรบางอย่างที่อาจจะถูกนำไปใช้เพื่อตีความและนำไปสู่การขึ้นศาลโลกได้ ฉะนั้น ประเทศไทยต้องระวัง แต่อย่างไรก็ตามความขัดแย้งตามชายแดนตนคิดว่าก็ยังมีอยู่ ทั้งเรื่องมาตรการคอลเซ็นเตอร์ ที่ยังไม่รู้ว่าได้ผลมากหรือน้อยแค่ไหน ไปจนถึงความเสียหายโดยเฉพาะเอกชนที่ได้รับความเสียหายค่อนข้างสูง เราต้องคุยกันในเรื่องการเยียวยาในการรับมือในเรื่องทางออก
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนได้ทราบจากสส.จันทบุรี ว่าปัญหาอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนต่อเศรษฐกิจ ที่จันทบุรีคือเรื่องของแรงงาน ซึ่งเราต้องพูดคุยกันว่าจะมีมาตรการในการรับมือกับเรื่องเหล่านี้อย่างไร ดังนั้น ตนคิดว่าการที่จะมีมาตรการเข้มข้นกับกัมพูชา เราก็ต้องคิดว่าเมื่อมีมาตรการแล้วผลกระทบที่เกิดขึ้นประชาชนก็ไม่ควรจะแบกรับเพียงลำพัง ภาครัฐต้องเข้าไปช่วย และสิ่งที่ตนอยากให้เน้นคือในเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เพราะหากเราทำลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์สำเร็จ นั่นคือการช่วยเหลือประเทศไทยระยะยาว และตนยังมองว่าจุดสำคัญที่เป็นสถานที่ตั้งสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์คือกัมพูชา