ไทยเรียกร้องกัมพูชาเลิกปั่นสื่อโซเชียล หันมาเจรจาอย่างจริงใจ
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า รัฐบาลไทยไม่ต้องการให้เกิดประเด็นปัญหาระหว่างรัฐและส่งผลกระทบต่อประชาชนของทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้น การออกมาตรการควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆ ของฝ่ายไทย ได้ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบ และคำนึงถึงความปลอดภัย ความเดือดร้อนและผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ นอกจากนี้ กระทรวงฯ ขอย้ำว่าไทยไม่ได้ปิดด่านสำหรับผู้ผ่านด่านของทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงชาวต่างชาติของประเทศอื่นๆ โดยจะปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความมั่นคงและความจำเป็นในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ ฝ่ายไทยยังอนุโลมการผ่านแดนโดยจะเป็นไปตามความจำเป็นด้านมนุษยธรรม
นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า รัฐบาลไทยจะใช้ช่องทางที่เป็นทางการเพื่อติดต่อสื่อสารกับรัฐบาลกัมพูชา โดยเห็นว่าการแสดงความเห็นของฝ่ายกัมพูชาในสื่อสังคมออนไลน์ที่มีเนื้อหาแทรกแซงกิจการภายในของไทย เป็นการกระทำที่ขัดต่อแนวปฏิบัติสากล ไม่เป็นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง 2 ประเทศ จึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชา งดเว้นการกระทำดังกล่าว และหันกลับมาสู่โต๊ะเจรจากับฝ่ายไทยอย่างเต็มรูปแบบด้วยความจริงใจและความสุจริตใจ สำหรับประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชาหยิบยกในที่ประชุมองค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (โอไอเอฟ) ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นั้น ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) มาตั้งแต่ปี 2503 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิทธิอธิปไตยของรัฐที่พึงปฏิบัติได้ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
นายนิกรเดช กล่าวว่า ไทยเชื่อว่าแก่นแท้ของการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ คือการนำกฎหมายดังกล่าว ไปปฏิบัติด้วยความรับผิดชอบ ไม่ใช่แค่คำพูดว่าเคารพ แต่ต้องปฏิบัติจริง และขอย้ำว่าไทยเห็นว่าสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาควรได้รับการแก้ไขผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ที่ไทยและกัมพูชา จัดทำร่วมกันเมื่อปี 2543 ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายมีพันธะที่จะต้องปฏิบัติตาม.