จากเปิดหมวกสู่แชมป์ดัง ย้อนรอยชีวิต ‘น้องต้นข้าว’ ก่อนคว้าแชมป์68สมัย!
จัดเป็นอีกหนึ่งคนที่มีเสียงสะกดคนฟังให้ชื่นชอบกันทั้งประเทศ สำหรับ “น้องต้นข้าว-สุปรียา ตาอุดม” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ต้นข้าว ดวลเพลงชิงทุน” สาวน้อยมากความสามารถที่สร้างปรากฏการณ์บนเวทีประกวดรายการ ดวลเพลงชิงทุน ด้วยการฝ่าฟันบทเพลงลูกทุ่งมากมาย จนคว้าแชมป์ถึง 68 สมัย หลังจากที่ชื่อเสียงน้องต้นข้าว ได้เป็นที่รู้จักของใครหลายคน แฟนๆเอฟซีทั้งหลายก็อยากจะรู้จักประวัติของน้องต้นข้าวมากยิ่งขึ้นนั้น
ล่าสุดในรายการยูทูบ "ซองเดอร์" ต้นข้าว ได้เปิดใจย้อนเล่าเรื่องราวชีวิตในวัยเด็กก่อนที่ชื่อเสียงของเธอจะโด่งดังอย่างเช่นทุกวันนี้ เผยเส้นทางที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความผูกพันกับคุณย่าที่เป็นทั้งครูและแรงบันดาลใจสำคัญ โดยเธอเผยว่า
“ย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่หนูจะมาประกวดรายการ ดวลเพลงชิงทุน ชีวิตก่อนที่จะไปประกวด ก็ลำบากค่ะ ขยันไปร้องเพลงเปิดหมวกทุกวัน แต่พอได้ไปออกรายการ ก็มีคนรู้จักมากขึ้น มีงานมีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น สะดวกสบายมากขึ้น ทำให้ย่าสบายมากขึ้นค่ะ หนูเริ่มเปิดหมวกตั้งแต่ห้าขวบแล้ว ซึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้เราลุกขึ้นไปเปิดหมวกตอนนั้น ก็คงเป็นตัวหนูเองนี่แหละค่ะ ก็อยากที่จะไปร้องเพลงให้คนเห็นเยอะๆ ว่าหนูเนี่ยต้นข้าว ชื่อต้นข้าวนะร้องเพลงเพราะมาก ก็อยากให้คนได้รู้ ก็เป็นแรงผลักดันให้ตัวเองเลย
แล้วในวัยห้าขวบคือมันเด็กมากๆ เลย ถามว่าหนูไปเห็นใครเป็นแม่แบบหรือไปเจอใครที่ร้องเพลงเปิดหมวกมาก่อนไหม ก็เคยเห็นค่ะ ตอนนั้นอยู่อนุบาล3 เห็นพี่มัธยมแต่ไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันนะ แต่มาเจอกันที่ตลาด เจอพี่เขานั่งดีดกีตาร์ และเปิดหมวกอยู่ ซึ่งหนูก็เลยมีความคิดว่า เราก็ชอบร้องเพลงเหมือนพี่เขา อยากได้ตังค์เหมือนกัน อยากให้มีคนเห็นเหมือนกัน เราก็เห็นพี่เขาเราก็ชื่นชอบ ก็รู้สึกดีใจที่มีคนให้เงินเรา ก็เลยรู้สึกว่าดีนะคนรู้จักเรา มีคนได้เห็นเรา ว่าเราร้องเพลงเพราะมากแถมได้ตังค์ด้วย ก็เลยอยากมา
แล้วครูที่สอนร้องเพลงคนแรกของเราคือ "ย่า" เลยค่ะ ซึ่งก่อนที่ย่าจะมาเป็นครูสอนหนู ก็เป็นต้นแบบมาก่อนด้วย เป็นตัวอย่างที่ดี ย่าชอบร้องเพลงคาราโอเกะเล่นที่บ้าน ทีนี้หนูเห็นเขาร้องเพลง ก็เลยอยากลองบ้าง ก็เลยซึมซับมาตั้งแต่เด็กค่ะ ในส่วนของการร้องเพลงที่เราได้ซึมซับมาจากคุณย่า หนูมองเห็นคุณย่าเป็นแม่แบบของหนูในการใช้ชีวิต ย่ามีทักษะด้านการร้องเพลงและทักษะด้านการใช้ชีวิตที่ดีมากๆ ก็คือนโยบายของเราสองคนค่ะ คือมีแค่ไหนใช้แค่นั้น ก็จะไม่เป็นหนี้เป็นสิน อยู่อย่างพอเพียง ก็จะทำให้ไม่ลำบาก ตัวหนูเองไม่มีหนี้ย่าเองก็ไม่มีหนี้ ก็ไม่ลำบากมาก ที่จะต้องหาเงินมาใช้หนี้เขา เราก็อยู่เท่าที่เรามี แล้วทักษะการร้องเพลงก็เยอะพอสมควร ย่าดีมากๆ การร้องเพลงคือสุดยอดเลย ทุกวันนี้หนูก็โดนบ่นอยู่โดนบ่นเหมือนเดิม ทำไมไม่หายใจตรงนี้อะไรประมาณนี้ คุณย่าก็เป็นคอมเมนต์ติวเตอร์ด้วย
ถ้าย้อนกลับไปในภาพเด็กของหนู เรื่องที่หนูรู้สึกว่ามีความสุขทุกครั้งที่เรานึกถึง ก็คงจะเป็นตอนที่ไปร้องเปิดหมวก ก็เวลาหลังเลิกเรียนมา ย่าก็จะขับรถพากันไปเปิดหมวก และอาจจะเป็นตอนที่นั่งกินข้าวกัน ซ้อมร้องเพลงเสร็จแล้วก็ทำกับข้าวกินข้าวกันที่บ้าน ก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดแล้วในสมัยก่อนตอนเด็กๆ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ก็คงเป็นความสุขที่ได้ขึ้นเวทีได้เจอแม่ๆ ได้ทำให้ย่ามีความสุขที่สุดในตอนนี้ ก็เป็นความสุขที่ดีมากๆ”
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ ซองเดอร์ , ต้นข้าว สุปรียา