"เรือเฟอร์รี่" ล่มใกล้เกาะบาหลี ผู้โดยสาร 65 ราย ดับแล้ว 4 สูญหายอีกเพียบ
เกิดเหตุเรือเฟอร์รี่ชื่อ KMP Tunu Pratama Jaya บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือรวม 65 คน อับปางกลางทะเลขณะออกเดินทางจากท่าเรือบันยูวางี (Banyuwangi) บนชายฝั่งตะวันออกของเกาะชวา มุ่งหน้าไปยังเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา เวลา 23:20 น. ตามเวลาท้องถิ่น (15:35 GMT) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 ราย และยังคงสูญหายอีก 38 ราย
สำนักงานค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติของอินโดนีเซีย (Badan Nasional Pencarian dan Pertolongan) ระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยระดมเรือ 9 ลำออกค้นหาอย่างเร่งด่วนในน่านน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ โดยสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตได้แล้ว 29 คน ในจำนวนนี้หลายคนอยู่ในสภาพหมดสติหลังลอยคอกลางทะเลอยู่นานหลายชั่วโมง ซึ่งรายงานจากตำรวจบันยูวางีระบุว่าผู้รอดชีวิตจำนวนมากเป็นชาวบ้านในพื้นที่ชายฝั่ง และบางส่วนมาจากพื้นที่ลึกเข้าไปในเกาะชวา
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนหาสาเหตุของเหตุเรือจมครั้งนี้ โดยบริษัทผู้ให้บริการเรือเฟอร์รี่ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า ตัวเรือได้แจ้งปัญหาเครื่องยนต์ก่อนจะจมลงไม่นาน ขณะเดียวกัน คำแถลงจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอินโดนีเซียระบุว่า ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนซาอุดีอาระเบีย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตอบสนองสถานการณ์ฉุกเฉินโดยทันที พร้อมระบุว่าสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้อาจเกิดจากสภาพอากาศเลวร้าย
เส้นทางเดินเรือระหว่างเกาะชวาและเกาะบาหลี เป็นหนึ่งในเส้นทางที่มีการใช้งานหนาแน่นที่สุดของอินโดนีเซีย โดยมักมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวสัญจรข้ามฟากเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม อินโดนีเซียซึ่งมีลักษณะเป็นหมู่เกาะกว่า 17,000 เกาะ มักประสบปัญหาอุบัติเหตุทางทะเลอยู่บ่อยครั้ง จากข้อกังวลเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยที่หละหลวม เรือจำนวนไม่น้อยถูกปล่อยให้บรรทุกเกินพิกัดและขาดอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ได้มาตรฐาน
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพิ่งเกิดเหตุเรือโดยสารล่มกลางคลื่นลมแรงนอกชายฝั่งบาหลีเช่นกัน มีผู้เสียชีวิตเป็นหญิงชาวออสเตรเลีย และมีผู้บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 1 ราย นอกจากนี้ ในปี 2018 ยังเคยเกิดเหตุเรือเฟอร์รี่ล่มในทะเลสาบโทบา บนเกาะสุมาตรา ซึ่งเป็นทะเลสาบลึกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 150 ราย
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้จุดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความปลอดภัยทางทะเลของอินโดนีเซียอีกครั้ง ท่ามกลางความหวังว่าผู้สูญหาย 38 ราย จะสามารถรอดชีวิตกลับมาได้อย่างปลอดภัยจากภารกิจค้นหาและกู้ภัยที่ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่ลดละในขณะนี้