ศาลรัสเซียตัดสินจำคุก 12 ปี ผู้นำลัทธิเจ้าของสมญา ‘พระเยซูแห่งไซบีเรีย’
สำนักข่าวเดอะ มอสโคว์ ไทม์ รายงานการตัดสินคดีของผู้นำลัทธิซึ่งแอบอ้างว่าเป็นพระเยซูกลับชาติมาเกิดจนได้สมญา “พระเยซูแห่งไซบีเรีย” เมื่อวันจันทร์ที่ 30 มิ.ย. 2568 โดยศาลแห่งเมืองโนโวซิเบียสก์ เขตไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย ตัดสินให้เขารับโทษจำคุกเป็นเวลา 12 ปี ในข้อหาทารุณกรรมร่างกายและจิตใจของผู้ติดตามเขา
เซอร์เกย์ โตโรป อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่เรียกตัวเองว่า “วิสซาเรียน” ตั้งตัวเป็นเจ้าลัทธิและก่อตั้ง “คริสตจักรแห่งพันธสัญญาสุดท้าย” เมื่อปี 2554 หลังจากแอบอ้างว่าเป็นพระเยซูที่กลับชาติมาเกิดและได้รับ “วิวรณ์ของพระเจ้า” เขาสามารถชักชวนผู้ติดตามได้หลายพันคนให้เข้ามาอยู่ร่วมกันในชุมชนที่ห่างไกลในเขตไซบีเรีย ในจำนวนนี้มีกลุ่มแกนนำประมาณ 300 คนที่แยกตัวออกมาพักอยู่บนยอดเขาที่พวกเขาเรียกว่า “ที่พำนักแห่งรุ่งอรุณ”
สำนักงานอัยการสูงสุดของรัสเซียกล่าวว่า โตโรปและผู้ร่วมงานอีก 2 คนของเขาได้รับการตัดสินว่ามีความผิดฐานก่อตั้งองค์กรศาสนาที่ละเมิดสิทธิพลเมืองของสมาชิกกลุ่มและเป็นเหตุให้เกิดการทำร้ายร่างกาย
อัยการกล่าวหาว่า โตโรปใช้วิธีการทางจิตวิทยาในการควบคุมและเอาเปรียบผู้ติดตามเพื่อหลอกใช้แรงงานและเงินระหว่างปี 2554-2563 การกระทำของเขาก่อให้เกิดผลกระทบทางจิตใจหรือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในแง่ลบจำนวน 16 คน โดยมีสมาชิกกลุ่ม 6 คนที่ได้รับผลกระทบทั้งกายและใจจน "มีปัญหาสุขภาพขั้นร้ายแรง" และ 1 คนได้รับผลกระทบในระดับ "ปานกลาง"
โตโรปซึ่งปัจจุบันอยู่ในวัย 64 ปี ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในปฏิบัติการปราบปรามซึ่งใช้เฮลิคอปเตอร์บุกโจมตีชุมชนของเขาในเมืองครัสโนยาสก์เมื่อปี 2563 ผู้ร่วมงานของเขาสองคน ได้แก่ วาดิม เรดคินและวลาดมีร์ เวดโยร์นิคอฟ โดนตัดสินให้รับโทษจำคุก 11 และ 12 ปีตามลำดับ
จำเลยทั้งสามปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าพวกเขามีแผนจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินต่อไปหรือไม่
นอกจากนี้ ศาลยังตัดสินให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายและค่าปรับจำนวน 45 ล้านรูเบิล (ราว 18.45 ล้านบาท) แก่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อและอัยการของรัฐ
ลัทธิของวิสซาเรียนเคยได้รับความนิยมมากในยุคหลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายในทศวรรษ 1990 ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนชาวรัสเซียยังสับสนและขาดที่ยึดเหนี่ยวด้านความคิดและความเชื่อ หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 ชุมชนที่นำโดยโตโรปยิ่งตัดขาดจากโลกภายนอกมากขึ้น โดยปิดชุมชน ไม่ให้คนนอกเข้าออกโดยสิ้นเชิง
ที่มา : themoscowtimes.com
เครดิตภาพ : AFP