ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนามทำให้เกิดความไม่แน่นอนครั้งใหม่เกี่ยวกับจีน
ธงชาติเวียดนามและธงชาติสหรัฐฯบนโต๊ะเจรจา (Photo by Anna Moneymaker / GETTY IMAGES NORTH AMERICA / Getty Images via AFP)
ข้อตกลงการค้าระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ ช่วยหลีกเลี่ยงการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ของโดนัลด์ ทรัมป์ แต่บรรดานักวิเคราะห์เตือนว่าข้อตกลงดังกล่าวอาจก่อให้เกิดการเผชิญหน้าครั้งใหม่ระหว่างรัฐบาลวอชิงตันและปักกิ่ง
เวียดนามเป็นประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐอเมริกามากเป็นอันดับ 3 รองจากจีนและเม็กซิโก และเป็นหนึ่งในประเทศที่เกินดุลการค้าสูงสุดในมาตรการขึ้นภาษีในวันปลดปล่อยของโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวันที่ 2 เมษายน
ข้อตกลงกับเวียดนามถือเป็นข้อตกลงสมบูรณ์ฉบับแรกที่ทรัมป์ลงนามกับประเทศในเอเชีย และนักวิเคราะห์กล่าวว่าข้อตกลงนี้อาจเผยให้เห็นรูปแบบที่รัฐบาลวอชิงตันจะใช้กับประเทศอื่นๆ ที่ยังคงดิ้นรนเพื่อบรรลุข้อตกลง
อัตราภาษี 46% ที่กำหนดจะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้าถูกยกออกทันที และเวียดนามเตรียมเผชิญกับภาษีขั้นต่ำ 20% เพื่อแลกกับการเปิดตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของสหรัฐ รวมถึงรถยนต์
อย่างไรก็ตาม ภาษี 40% จะถูกกำหนดต่อสินค้าที่ใช้เวียดนามเป็นทางผ่านเพื่อประโยชน์ทางการค้า ซึ่งจะเป็นแนวทางปฏิบัติที่มุ่งเป้าไปที่การขนส่งทางเรือ
รัฐบาลวอชิงตันกล่าวหารัฐบาลฮานอยว่าติดฉลากสินค้าจีนใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี แม้รู้ดีว่าวัตถุดิบจากประเทศเศรษฐกิจอันดับสองของโลกถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของอุตสาหกรรมการผลิตของเวียดนาม
"จากมุมมองทั่วโลก จุดที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ดูเหมือนว่าข้อตกลงนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับจีนเป็นส่วนใหญ่" นักวิเคราะห์จาก Capital Economics กล่าว
"เงื่อนไขในการขนถ่ายสินค้าจะถูกมองว่าเป็นการยั่วยุต่อจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการรวมเงื่อนไขที่คล้ายคลึงกันในข้อตกลงอื่นๆ ที่ตกลงกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า" นักวิเคราะห์ระบุเพิ่มเติม
ราคาหุ้นของบริษัทเสื้อผ้าและผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาซึ่งมีฐานที่มั่นขนาดใหญ่ในเวียดนาม พุ่งสูงขึ้นเทันทีเมื่อมีข่าวเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าวในนิวยอร์ก
แต่ในเวลาต่อมา ราคาหุ้นก็ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อมีการเปิดเผยรายละเอียด
"นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าภาษีศุลกากรแบบคงที่ 46% มาก แต่ผมจะไม่เฉลิมฉลองในตอนนี้" แดน มาร์ติน จากบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ Dezan Shira & Associates ซึ่งตั้งอยู่ในฮานอย กล่าว
"ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐฯ จะตัดสินใจตีความและบังคับใช้แนวคิดการขนถ่ายสินค้าอย่างไร"
"หากสหรัฐฯ มองภาพรวมที่กว้างขึ้นและเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชิ้นส่วนจากต่างประเทศ แม้ว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นจริงในเวียดนามก็ตาม อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทจำนวนมากที่ปฏิบัติตามกฎ" เขากล่าวเสริม
รัฐบาลเวียดนามกล่าวแถลงในเวลาต่อมาว่า ภายใต้ข้อตกลงนี้ ประเทศได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะเข้าถึงตลาดที่มีสิทธิพิเศษสำหรับสินค้าของสหรัฐฯ รวมถึงรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่
แต่แถลงการณ์ดังกล่าวให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับข้อตกลงการขนส่งทางเรือซึ่งทรัมป์ประกาศบนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขา
Bloomberg Economics คาดการณ์ว่าเวียดนามอาจสูญเสียการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ถึง 1 ใน 4 เป็นระยะเวลาปานกลาง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศมากกว่า 2% ตกอยู่ในความเสี่ยงอันเป็นผลจากข้อตกลงดังกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญของ Bloomberg Economics กล่าวว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิธีที่การขนส่งจะถูกกำหนดหรือบังคับใช้ อาจส่งผลกระทบทางการทูต
"คำถามที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือจีนจะตอบสนองอย่างไร รัฐบาลปักกิ่งเคยชี้แจงอย่างชัดเจนว่าจะตอบสนองต่อข้อตกลงที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อจีน และการตัดสินใจตกลงที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าที่ถือว่า "ขนส่งผ่าน" เวียดนามอาจเข้าข่ายนั้น ซึ่งการตอบโต้ใดๆ อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของเวียดนาม" ผู้เชี่ยวชาญระบุ.