โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

‘รัฐบาล’ สั่งรับมือพายุรอบใหม่ หวั่นกระทบเขตเศรษฐกิจ ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง

อีจัน

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อีจัน

วันนี้ (30 ก.ค. 68) เวลา 08.45 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) แถลงการณ์ระบายน้ำท่วมขังและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุวิภาและร่องมรสุม ว่า รัฐบาลยังได้สั่งการให้บูรณาการบริหารจัดการในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนและเขตเศรษฐกิจในจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา รวมถึงให้ประสานการบริหารระดับน้ำกับพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไปจนถึงเขื่อนพระรามหกและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับน้ำฝนระลอกใหม่ในเดือนส.ค. – ก.ย. 2568 และลดความเสี่ยงจากสถานการณ์น้ำหลากในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำ

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เฝ้าระวังสถานการณ์แม่น้ำโขงอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเขื่อนน้ำเทิน 1 ใน สปป.ลาว ได้เพิ่มการระบายน้ำอย่างฉับพลัน จาก 2,500 เป็น 4,500 ลบ.ม. ต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณจังหวัดริมฝั่งแม่น้ำโขง มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น 0.5 – 1 เมตร โดยให้เตรียมแผนรับมือและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ทั้งด้านการแจ้งเตือนล่วงหน้า การอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง และการสนับสนุนทรัพยากรฉุกเฉินเพื่อให้สามารถลดผลกระทบต่อประชาชนได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบริหารจัดการสถานการณ์ร่วมกันอย่างเข้มแข็งตลอดช่วงฤดูฝนปีนี้ และขอยืนยันว่ารัฐบาลจะเดินหน้าเร่งแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในทุกพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเร็วที่สุด

ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 4 จังหวัด ได้แก่ น่าน เชียงราย แพร่ และสุโขทัย ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จังหวัดน่านเป็นพื้นที่ที่มีปริมาณฝนสะสมสูงสุดของประเทศ โดยบริเวณตำบลยอด อำเภอสองแคว มีฝนสะสมมากกว่า 500 มม. แต่ขณะนี้ระดับน้ำกำลังลดลงอย่างต่อเนื่องและเข้าสู่ระยะฟื้นฟูแล้ว ส่วนในจังหวัดแพร่สถานการณ์กำลังคลี่คลายลงตามลำดับ

ขณะที่จังหวัดเชียงราย ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา มีฝนตกลงมาเพิ่มเติมในพื้นที่มากกว่า 100 มม. ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเพิ่มสูงขึ้นเกินระดับตลิ่ง โดยเฉพาะบริเวณสะพานมิตรภาพไทย – เมียนมา แห่งที่ 1 ซึ่งเป็นจุดรับน้ำจากฝั่งเมียนมาโดยตรง ทำให้เกิดภาวะน้ำล้นทะลักเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ ปัจจุบันระดับน้ำยังคงทรงตัว โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ด้านจังหวัดสุโขทัยยังมีแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นในบางจุด ซึ่งได้สั่งการให้มีการควบคุมมวลน้ำจากภาคเหนือลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ และควบคุมระดับน้ำเหนือเขื่อนนเรศวร เพื่อเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำยมเข้าสู่แม่น้ำน่าน และควบคุมระดับน้ำไม่ให้ล้นตลิ่งในตัวเมืองสุโขทัย รวมทั้งเสริมแนวป้องกันน้ำในเขตเศรษฐกิจและจุดเสี่ยงซ้ำซาก พร้อมเปิดบานประตูระบายน้ำทุกจุดเต็มศักยภาพ และเตรียมพร้อมพื้นที่ทุ่งบางระกำซึ่งใช้หน่วงน้ำได้ถึง 400 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) โดยคาดการณ์ว่าสถานการณ์ทั้ง 4 จังหวัดดังกล่าวจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายในสิ้นเดือนนี้

สำหรับสถานการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2568 พบว่ามีฝนตกหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำสาละวิน บริเวณจังหวัดตาก โดยเฉพาะที่ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด ปริมาณฝนสูงสุด 98 มิลลิเมตร ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเมยเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่อล้นตลิ่งในหลายจุด เกิดอุทกภัยในพื้นที่สำคัญของอำเภอแม่สอด ได้แก่ ตลาดริมเมย บ้านริมเมย หมู่ที่ 2 บ้านห้วยม่วง หมู่ที่ 6 และบ้านแม่ตาว หมู่ที่ 1 จากรายงานระดับน้ำแม่น้ำเมยที่จุดตรวจวัดบ้านห้วยแล้ง หมู่ที่ 10 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ ว่าอยู่ในระดับสูงกว่าตลิ่งถึง 3.60 เมตร แม้มีแนวโน้มลดลง หน่วยงานในพื้นที่ได้เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง หากไม่มีฝนตกเพิ่มในระยะ 1–2 วันนี้ คาดว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายลงภายใน 3-5 วัน

อย่างไรก็ตาม หลายพื้นที่ของไทยกำลังเผชิญกับปัญหาอุทกภัยจากอิทธิพลของพายุ “วิภา” ซึ่งส่งผลให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในลุ่มน้ำต่าง ๆ ของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 21 – 28 ก.ค. 2568 รัฐบาลมีความห่วงใยต่อประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเป็นอย่างยิ่ง และไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานผ่านศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ทั้ง 4 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออกและลุ่มน้ำบางปะกง ณ จังหวัดระยอง ลุ่มน้ำโขงเหนือ ณ จังหวัดเชียงราย ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จังหวัดหนองคาย และลุ่มน้ำยม – น่าน ณ จังหวัดสุโขทัย เพื่อบริหารจราจรน้ำข้ามลุ่มน้ำและข้ามจังหวัด รวมถึงการแจ้งเตือนภัยและการสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายในภาวะวิกฤติ เพื่อเร่งคลี่คลายสถานการณ์ให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็วที่สุด

โดยหน่วยงานในแต่ละพื้นที่ได้ประสานความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ ทั้งการเตรียมพร้อมและสนับสนุนเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ ฯลฯ เพื่อเร่งระบายน้ำท่วมขัง รวมถึงซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย พร้อมทั้งจัดเรียงกระสอบทรายและกระสอบทรายขนาดใหญ่ (Big Bag) เป็นแนวกั้นป้องกันน้ำท่วมในจุดเสี่ยง นอกจากนี้ ได้ดำเนินการอพยพกลุ่มเปราะบางไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมดูแลครอบคลุมทั้งการดำรงชีพ การแพทย์และสาธารณสุข และสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โดยจัดตั้งโรงครัวพระราชทานและโรงครัวประกอบเลี้ยง อีกทั้งได้จัดเตรียมอุปกรณ์กู้ภัย เช่น เรือยนต์ เรือท้องแบน เจ็ทสกี โดรน อากาศยานไร้คนขับ (UAV) ฯลฯ และจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจและกองอาสารักษาดินแดน ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงอำนวยความสะดวกในการสัญจรผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมขัง และติดตั้งสะพานเบลีย์เพื่อเป็นเส้นทางสัญจรชั่วคราวด้วย

“ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำแบบเรียลไทม์และข่าวสารผ่านช่องทาง ได้แก่ Application และ Website “Nation Thai Water”, LINE “ไทยคู่ฟ้า” และ ช่องทางแชท Facebook ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ซึ่งเปิดให้สอบถามและติดตามข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วน “ปภ.เตือนภัย” ที่โทรศัพท์หมายเลข 1748” นายประเสริฐ กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก อีจัน

ได้ใจชาวบ้านเต็มๆ ผู้ว่าฯโคราช สละเงินเดือน จ่ายค่าที่พักให้ผู้อพยพเหตุปะทะไทยกัมพูชา

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทรูฯ ห่วงใยชายแดน! แจกเน็ต-โทรฟรี พร้อมส่งรถเสริมสัญญาณศูนย์อพยพ

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘บอร์ดอีวี’ ปรับสูตรผลิตชดเชย 1 คัน ต่อ 1.5 คัน หวังจูงใจผลิตส่งออก

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“วิทยุการบินแห่งประเทศไทย” รับสมัครงานหลายสังกัด จำนวน 180 อัตรา

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

“ทรัมป์” ประกาศเก็บภาษีนำเข้าทองแดงบางรายการ 50% มีผล 1 ส.ค.68

การเงินธนาคาร

“เฟด” มีมติ 9 ต่อ 2 ตรึงดอกเบี้ยที่ 4.25-4.50% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5

การเงินธนาคาร

AI จะมาแย่งงานเราจริงไหม? หรือเราควรเปลี่ยนวิธีมองเสียใหม่?

TOJO NEWS

ออฟฟิศแนวใหม่ในยุคหลังโควิด: ทำไม Hybrid Work ถึงไม่ใช่แค่ทางเลือก?

TOJO NEWS

Broker ranking 30 Jul 2025

Manager Online

สร้างแบรนด์ให้เจาะใจ GEN Z

Manager Online

ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา คาดสร้างความเสียหายเศรษฐกิจ 1.7 หมื่นล้าน/เดือน

Positioningmag

อินโดฯ ขึ้นภาษีคริปโต 5 เท่า! จัดระเบียบตลาดหมื่นล้านดอลล์ สกัดเงินไหลออกนอกประเทศ

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

“ภูมิธรรม” แถลงท่าทีรัฐบาล ชี้ การโจมตีชุมชน เป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง

อีจัน

หนองคาย น่าห่วง น้ำโขงสูงกว่าจุดวิกฤติ เอ่อท่วมหลายพื้นที่

อีจัน

ครึ่งปีแรก นทท.จีนวูบ 41% แย่สุดในรอบหลายปี สมาคมโรงแรม จี้รัฐบาลอย่าอยู่เฉย!

อีจัน
ดูเพิ่ม
Loading...