“บิ๊กเล็ก” ยันต้องฟังเสียงประชาชน ก่อนตัดสินใจหยุดยิง ชี้กัมพูชายิงซ้ำหลังคุย “ทรัมป์”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 ก.ค. 68) เวลา 9:30 น. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) กล่าวถึงกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โทรศัพท์พูดคุยกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้หยุดยิง จึงจะเข้าสู่โต๊ะเจรจาการทางค้ากับสหรัฐฯ ว่า การตัดสินใจของฝ่ายไทยไม่สามารถเกิดขึ้นได้ทันที เนื่องจากประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ต้องฟังเสียงประชาชนและดำเนินการผ่านกลไกของรัฐบาล ไม่ใช่การตัดสินใจโดยบุคคลเพียงไม่กี่คน
“ประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิปไตย เราฟังเสียงประชาชน มีกลไกรัฐบาล แตกต่างจากทางกัมพูชาที่ปกครองโดยคนสองคนหรือสามคน เขาจึงสามารถตอบได้ทันทีว่า Yes หรือ No แต่ของเราต้องหารือในรัฐบาลก่อน ต้องมีคณะพูดคุย คณะเจรจา ที่สำคัญต้องฟังเสียงประชาชนด้วย”
พล.อ.ณัฐพล เปิดเผยอีกว่า ขณะมีการพูดคุยระหว่างนายภูมิธรรม กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีผู้เกี่ยวข้องร่วมฟังด้วยหลายฝ่าย ได้แก่ ตนเอง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยไทยได้แจ้งไปว่าพร้อมรับข้อเสนอ แต่ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน และย้ำว่า ศบ.ทก. เป็นกลไกของรัฐบาล ไม่ใช่ของกองทัพ แม้ตนจะนั่งหัวโต๊ะในฐานะรมช.กลาโหม แต่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างกองทัพกับรัฐบาล และยืนยันว่ารัฐบาลมีจุดยืนชัด คือ ปกป้องอธิปไตย และดำเนินการทุกอย่างอย่างรอบคอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดประธานาธิบดีทรัมป์พูดคุยกับกัมพูชาแล้วแต่กัมพูชาไม่มีการหยุดยิง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ประชาชนและสื่อมวลชนคงเห็นแล้วว่าเขามีความจริงใจหรือไม่ กองทัพก็ไม่สบายใจตรงนี้ว่าเขาจะมีความจริงใจอย่างไร นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เขายิงก่อน ครั้งแรกคือวางกับระเบิด เรามีความจริงใจแน่นอนที่จะหยุดยิง เพราะรู้ถึงผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน 4 จังหวัดชายแดน และ 3 จังหวัดทางตอนใต้ เราไม่คิดว่ารัฐบาลกัมพูชาจะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาเจนีวา อนุสัญญาออตตาวา และขาดหลักมนุษยธรรม “เราไม่เคยคิดว่า ในปี 2025ยังมีกองทัพประเทศในโลกปฏิบัติการลักษณะนี้”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมากัมพูชาไม่มีท่าทีที่ทำให้เกิดความมั่นใจว่าจะปฏิบัติตามที่พูด อะไรจะเป็นสิ่งยืนยันถึงความจริงใจของกัมพูชา พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตอนนี้สิ่งที่ด้านการทหารมอง คือ ถ้าหยุดยิงได้เป็นเวลาสักระยะ นั่นจะถือเป็นสัญญาณหนึ่ง แต่กรณีนี้ไม่ใช่ เพราะเขาคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ เวลาประมาณ 23:00 น. ของวันที่ 26 ก.ค. แต่พอถึงเวลา 02:00 น. วันนี้ (27 ก.ค.) ก็เริ่มยิง อย่างนี้ทหารมองว่าไม่จริงใจ ทั้งที่กำลังคุยกันอยู่เรื่องหยุดยิง และจริง ๆ แล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยก็จะคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชาในวันนี้ ซึ่งตนได้รายงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศไปแล้วว่า กัมพูชายังตีเราตลอดแนวอีกครั้ง
และสิ่งที่กองทัพเสียใจคือ เขาโจมตีที่หมายพลเรือนโดยไม่สนใจเลย เพราะในพื้นที่พลเรือนมีกระสุนปืนใหญ่ตกไปถึง 3 นัด แต่เคราะห์ดีที่กระทรวงมหาดไทยอพยพคนออกไปหมดแล้ว เบื้องต้นจึงไม่ได้รับรายงานการสูญเสีย ทำให้ความไว้วางใจตอนนี้ยังไม่มี และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้รายงานนายภูมิธรรม และเลขาธิการนายกรัฐมนตรีว่าประชาชนที่อพยพมาแล้ว ได้ฝากให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดูแลทรัพย์สินที่ออกจากบ้านเรือน เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องกังวล
ต่อข้อถามว่า กัมพูชามีอาวุธยิงระยะใกล้ 100 กว่ากิโลเมตร หากมีการใช้อาวุธดังกล่าว ฝ่ายไทยมีความกังวลหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า
“กังวล ตนกังวลมาตั้งนานแล้ว พูดบอกประชาชน บอกสื่อมวลชนมาตั้งนานแล้ว เพราะเราทราบในห้วงเวลาที่ผ่านมา ผมไม่อยากพูดประเด็นนี้เดี๋ยวจะถูกตำหนิอีก แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ ผมต้องบอกความจริงว่าเวลาที่ผ่านมาเราถูกตัดงบประมาณสำหรับซื้ออาวุธ เราจัดซื้อเท่าที่จำเป็น ดังนั้นอาวุธเชิงรุกรานเราไม่ได้ซื้อเอาไว้ เน้นไปที่ป้องกันอธิปไตยเท่านั้น แต่ก็มีจำนวนหนึ่งซึ่งไม่มาก แต่ของเขามีถึง 6ระบบ”
พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า ตรงนี้เป็นสิ่งที่กองทัพคงต้องทบทวน ในฐานะที่ตนเป็นทั้งรัฐบาลและกองทัพ ได้พูดคุยกับรัฐบาลว่า หลังจากนี้คงต้องขอความกรุณาจากประชาชนให้เห็นใจกองทัพ และต้องคุยกับกองทัพเช่นเดียวกันว่า ไม่ใช่พอประชาชนเห็นใจแล้วจะจัดหาแบบกอบโกยก็ไม่ได้ ต้องเอาเฉพาะที่จำเป็น ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนมั่นใจ ช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่ตรงนี้ จะไม่ทำให้เกิดอย่างนั้นเป็นอันขาด ถ้าเกิดขึ้นก็ต้องสอบสวนลงโทษผู้กระทำผิดเช่นกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“ไทย” ขานรับข้อเสนอ “ทรัมป์” หยุดยิงกัมพูชา – ขอหารือทวิภาคีกำหนดกรอบชัดเจน