มิจฉาชีพปลอมเพจคอลลาเจนแบรนด์ดัง หลอกสาวออฟฟิศสูญ 6 แสน
(27 มิ.ย. 68) นายโชติอนันต์ เลิศฤทธิ์ภูวดล หรือ “เสี่ยเป้ บางกรวย” ผู้ก่อตั้งเพจ “เป้ บางกรวย-นนทบุรีไม่ทิ้งกัน” ได้รับเรื่องร้องเรียนจากน.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 39 ปี พนักงานบริษัทเอกชน ว่าตนเองได้ตกเป็นเหยื่อแก๊งมิจฉาชีพ หลังเจอเพจเฟซบุ๊กโพสต์แจกอาหารเสริมคอลลาเจนตัวใหม่ ของไฮโซชื่อดังท่านหนึ่ง ให้ทดลองใช้ฟรี จึงหลงเชื่อกดเพิ่มเพื่อนในไลน์ ส่งที่อยู่เพื่อรับสินค้าทดลอง มูลค่า 2,000 บาท ก่อนถูกหลอกให้ทำกิจกรรมเพื่อรับของ จนนำไปสู่การสูญเสียเงินรวมทั้งสิ้น 619,648 บาท จึงเดินทางมาร้องทุกข์ เพื่อขอความช่วยเหลือให้เร่งติดตามคดี เพราะเงินที่สูญไปเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายที่มีอยู่ เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 25 มิ.ย. 68 แจ้งความไว้ที่สภ.ปากเกร็ด
น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย กล่าวว่า เหตุเกิดประมาณช่วงเย็นของวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตนเห็นคลิปรีวิวสินค้าในเพจเฟซบุ๊ก โพสต์แจกอาหารเสริมคอลลาเจนตัวใหม่ ของไฮโซชื่อดังท่านหนึ่ง เมื่อตนกดเข้าไปแล้วได้มีการให้กดลิงก์เพิ่มเพื่อนในไลน์ ซึ่งเป็นกลุ่ม Open Chat มีสมาชิกจำนวน 800-1,200 คน โดยขอที่อยู่ของตนเพื่อจัดส่งอาหารเสริมคอลลาเจน มูลค่าประมาณ 2,000 บาทให้ฟรี มีการสอบถามข้อมูล แนะนำสินค้า ดูมีความน่าเชื่อถือ ก่อนจะชักชวนให้ย้ายออกไปจับกลุ่มไลน์ย่อยเพื่อร่วมทำกิจกรรมต่างๆ จากนั้นมีการให้ร่วมทำกิจกรรมเพื่อดันยอดขาย กดไลค์ กดแชร์ และทำกิจกรรมตามคำสั่งซึ่งหน้าตาระบบคล้ายบิตคอยน์ ให้โอนเงินทำกิจกรรม เริ่มต้น จำนวน 150 บาท จากนั้นจะได้เงินคืนมา จำนวน 330 บาท
ต่อมา มิจฉาชีพได้ชักชวนให้ทำกิจกรรมต่อ โดยทำ 2 ภารกิจ โอนเงินเพิ่มจำนวน 1,500 บาท 4,500 บาท และ 18,000 บาท ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นระบบหลังบ้านของแบรนด์ จึงอยากเรียนรู้ระบบการขายของ เพราะส่วนตัวได้ติดตามไฮโซท่านนี้ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ เห็นเขาประสบความสำเร็จ ร่ำรวย จึงหลงเชื่อและไม่ได้รู้สึกเอะใจ จากนั้นมิจฉาชีพได้หลอกว่าตนทำกิจกรรมผิด ทำให้ไม่สามารถคืนเงินได้ ต้องเสียค่าปรับ 4 เท่า (18,000*4) เท่ากับจำนวนเงิน 72,000 บาท ตนพยายามโต้แย้งแต่มิจฉาชีพยืนยันว่าทำผิด ตนจึงยอมโอนเงินค่าปรับเพิ่มจำนวน 3 ครั้ง เพื่อหวังจะเอาเงินทั้งหมดคืน
หลังทำกิจกรรมไปเรื่อยๆ มิจฉาชีพอ้างว่าตนใส่เหตุผลในการถอนเงินผิดอีก ทำให้ไม่สามารถถอนเงินคืนทั้งหมดได้ ต้องโอนเงินเป็นหลักประกัน จำนวน 379,648 บาท ตอนนั้นหวังเพียงแค่จะเอาเงินคืน โดยไม่ทันคิดว่าหากโอนเพิ่มก็เท่ากับต้องเสียเงินเพิ่มไปอีก
มิจฉาชีพได้บอกกับตนอีกว่า ยอดเงินที่จะได้คืนทั้งหมดวงเงินเกิน 300,000 บาท ตนต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 64% (485,949.44.-) ตนจึงเริ่มได้สติ และมั่นใจว่าถูกหลอก ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่จึงรีบโทรแจ้งอายัดบัญชีธนาคาร ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ตนรู้สึกเครียดมาก ปกติใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และระวังมิจฉาชีพมาตลอด แต่ยอมรับว่าตอนนั้นตนขาดสติ เห็นคนอื่นในกลุ่มโอนเงินไปแล้วได้คืนก็คิดว่าตนจะได้คืนบ้าง โดยไม่ทันคิดว่าทุกคนในกลุ่มคือหน้าม้า และเป็นแก๊งมิจฉาชีพที่รวมตัวกันมาหลอกเงินของตน
เบื้องต้นตนได้ไปแจ้งความที่สภ.ปากเกร็ด และแจ้งอายัดบัญชีธนาคารแล้ว วันนี้ตนเดินทางมาเพื่อขอให้เสี่ยเป้ช่วยติดตามคดี ตนอยากได้เงินคืน เพราะเงินก้อนนี้เป็นเงินเก็บก้อนสุดท้าย อยากเตือนภัยให้กับทุกคนที่หลงเชื่อคิดว่ามีอีกหลายคนที่กำลังโดนหลอกแบบตน
ทางด้านนายโชติอนันต์บอกว่า วันนี้ตนได้รวบรวมหลักฐาน ข้อมูลทั้งหมดจากทางผู้เสียหาย และจะช่วยเหลือพาไปยื่นเรื่องติดตามคดีที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบัญชีม้าที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไปทั้งหมด เบื้องต้นได้มีการแจ้งอายัดบัญชีกับทางธนาคารแล้ว อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคน ตอนนี้ภัยคุกคามจากแก๊งมิจฉาชีพมันอยู่ใกล้ตัว ใช้สติในการใช้ชีวิต เช็คก่อนโอน อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ และอยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงบริษัทฯ หรือแบรนด์ต่างๆ ที่ถูกมิจฉาชีพนำมาแอบอ้าง เราต้องช่วยกันปิดกั้นไม่ให้นำมาหลอกพี่น้องประชาชนได้อีก