บัตรเดบิต แตะขึ้น MRT ได้ อัพเดต 2568 ธนาคารไหนรองรับบ้าง
ข้อมูล ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2568
บัตรเดบิต ใช้แตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้า MRT ได้ เดินทางสะดวกขึ้น รองรับลงทะเบียน “รถไฟฟ้า 20 บาท” อัพเดตปี 2568 ธนาคารไหนรองรับแล้วบ้าง
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า มีความสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการซื้อ-จ่ายค่าโดยสาร ที่ในปัจจุบัน สามารถใช้บัตรเครดิต-บัตรเดบิต แตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ เกือบทั้งหมดได้ และกำลังจะรองรับมาตรการ “รถไฟฟ้า 20 บาท” ที่จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน ธนาคารต่าง ๆ ในประเทศไทย เริ่มมีการพัฒนาระบบเพื่อให้บัตรเดบิตของธนาคารตนเอง รองรับการแตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้า MRT ได้ ตั้งแต่ช่วงปี 2565 เป็นต้นมา
“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลอัพเดต ปี 2568 บัตรเดบิตของธนาคารไหน รองรับการใช้งานแตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้า MRT
ธนาคารกรุงไทย
สำหรับธนาคารกรุงไทย รองรับการใช้งานแตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้า MRT ครบทุกสาย ทั้ง MRT สายสีน้ำเงิน MRT สายสีม่วง MRT สายสีเหลือง MRT สายสีชมพู ในทุกหน้าบัตรเดบิต รวมถึงบัตร Krungthai Travel Card บัตรทราเวลการ์ดของธนาคาร และบัตรพรีเพดของธนาคาร ทั้งบัตร Play บัตร Mangmoom EMV
นอกจากนี้ ทุกหน้าบัตรเดบิต-พรีเพดของธนาคารกรุงไทยรองรับการลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ “รถไฟฟ้า 20 บาท” ที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2568
ทั้งนี้ ผู้ใช้งานบัตร Krungthai Travel Card รุ่น Visa Platinum จะสามารถใช้งานได้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 เท่านั้น
ธนาคารยูโอบี
สำหรับธนาคารยูโอบี เป็นธนาคารที่ 2 ที่เปิดให้บัตรเดบิต สามารถแตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้า MRT ได้ โดยรองรับทุกหน้าบัตรที่สามารถแตะจ่ายได้ (มีสัญลักษณ์คล้าย Wi-Fi บนหน้าบัตรหรือหลังบัตร) รวมถึงบัตรเดบิต TMRW รวมถึงรองรับการลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ “รถไฟฟ้า 20 บาท” ที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2568
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นธนาคารที่ 3 ที่สามารถใช้บัตรเดบิตแตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้า MRT ได้อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นมา รวมถึงบัตร Krungsri Boarding Card รองรับการใช้งานแตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้าได้ก่อนหน้าแล้ว
โดยบัตรเดบิตทุกประเภทบัตร / ทุกหน้าบัตร ที่มีสัญลักษณ์ Contactless สามารถใช้งานแตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้า MRT ได้ ยกเว้นบัตร Krungsri NRBA / Krungsri FCD
นอกจากนี้ กรุงศรี ยังประชาสัมพันธ์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ โดยระบุเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่ถือบัตรเดบิต กรุงศรี ทุกประเภทสามารถลงทะเบียนรับสิทธิโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพียงใช้บัตรเดบิต กรุงศรีลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐในวันที่ 25 ส.ค. 68 เป็นต้นไป (สามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 68)
บัตรเครดิต-บัตรพรีเพด ใช้ขึ้น MRT ได้ มีเจ้าไหนบ้าง ?
นอกจากบัตรเดบิตแล้ว บัตรเครดิตและบัตรพรีเพดที่สามารถใช้งานระบบรถไฟฟ้า MRT มีดังนี้
บัตรเครดิต : รองรับทุกธนาคาร ที่มีสัญลักษณ์ วีซ่า (VISA) และมาสเตอร์การ์ด (Mastercard) และรองรับบัตรเครดิต ยูเนี่ยนเพย์ (UnionPay) เฉพาะธนาคารในประเทศไทยเท่านั้น โดยบัตรยูเนี่ยนเพย์ ที่รองรับในปัจจุบัน มีดังนี้
- บัตรเครดิตอิออน-ยูเนี่ยนเพย์ แพลทินัม
- บัตรเครดิตยูเนี่ยนเพย์ แพลทินัม ธนาคารกรุงเทพ
- บัตรเครดิต เคทีซี ยูเนี่ยนเพย์
- บัตรเครดิตไอซีบีซี (ไทย) ยูเนี่ยนเพย์
- บัตรกดเงินสด เคทีซี พราว ยูเนี่ยนเพย์
ทั้งนี้ บัตรเครดิต ยูเนี่ยนเพย์ ของธนาคารต่างประเทศ จะรองรับการใช้งานในอนาคต เป็นลำดับถัดไป
บัตร Prepaid : รองรับการใช้งานบัตรที่มีสัญลักษณ์ วีซ่า (VISA) และมาสเตอร์การ์ด (Mastercard)
ตัวอย่างบัตร Prepaid ที่สามารถใช้งานได้ :
- บัตร Play ของเป๋าตังเปย์ (Paotang Pay)
- บัตร Mangmoom EMV
- บัตร YouTrip Mastercard
- บัตร BigPay Visa Platinum
- บัตร Krungsri Boarding Card
อย่างไรก็ตาม ระบบรถไฟฟ้าในปัจจุบัน ยังไม่รองรับการใช้งานการแตะจ่ายด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น Apple Pay, Google Pay, Garmin Pay
รถไฟฟ้าสายสีแดง รองรับทุกแบงก์
นอกจากระบบรถไฟฟ้า MRT ที่รองรับการใช้งานบัตรเดบิต 3 ธนาคาร ตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว ระบบรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง รองรับการใช้บัตรเดบิตของทุกธนาคาร รวมถึงบัตรเครดิต-บัตรพรีเพดธนาคารต่าง ๆ ที่มีสัญลักษณ์ Contactless แตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้าได้ ทั้งเครือข่าย วีซ่า (VISA), มาสเตอร์การ์ด (Mastercard), เจซีบี (JCB), ยูเนี่ยนเพย์ (UnionPay)
เช็กรายการย้อนหลัง ขึ้น MRT ทำอย่างไร ?
สำหรับการเช็กรายการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT ย้อนหลัง สำหรับผู้ใช้บัตรเครดิต-บัตรเดบิต-บัตรพรีเพด แตะเข้า-ออกรถไฟฟ้า MRT สามารถลงทะเบียนได้ตามวิธีดังนี้
1. เข้าเว็บไซต์ https://metro.bemplc.co.th/EMV-Contactless หรือ www.mangmoomemv.com ผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าสู่หน้าหลัก และเลือก “ลงทะเบียน/เข้าสู่ระบบ”
2. เลือก “ลงทะเบียน”
3. กรอกรายละเอียด ชื่อ นามสกุล อีเมล์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ รหัสผ่าน และเลือก “ลงทะเบียน”
4. กรอกรหัส OTP ที่ส่งมายังอีเมล์ที่ระบุ เพื่อยืนยันตัวตน จากนั้นเลือก “ดำเนินการต่อ”
5. ลงทะเบียนสำเร็จ
ทั้งนี้ บัตรที่จะลงทะเบียนเข้าใช้ระบบดังกล่าวได้ ต้องเคยนำไปแตะเข้า-ออกระบบแล้วเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจสอบได้จากรายการย้อนหลังของบัญชีธนาคาร หรือรายการใช้จ่าย กรณีใช้บัตรเดบิต-บัตรเครดิต แตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู สายสีเหลือง และรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง
บัตรเดบิต-บัตรเครดิต ใช้ได้มากกว่าที่รถไฟฟ้า
นอกจากบัตรเดบิต และบัตรเครดิต จะสามารถใช้เข้า-ออกระบบรถไฟฟ้า ใช้เพื่อเข้าร่วมมาตรการ รถไฟฟ้า 20 บาทแล้ว ยังสามารถแตะเพื่อใช้งานระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ได้ ทั้งรถเมล์ของ ขสมก. รถ บขส. (ไม่รวมรถร่วมเอกชน) และรถเมล์โดยสารในพื้นที่ต่างจังหวัดที่เปิดให้บริการชำระเงินแบบ Cashless (เช่น จังหวัดฉะเชิงเทรา) โดยรถเมล์ ขสมก. และรถเมล์อื่น ๆ ที่รับชำระ สามารถแตะเพื่อจ่ายค่าโดยสารได้ทันที ส่วนรถ บขส.สามารถใช้บัตรเพื่อจ่ายค่าโดยสารได้ที่จุดจำหน่ายตั๋ว
รวมถึงผู้ที่เดินทางด้วยรถยนต์และใช้ทางด่วนเป็นประจำ สามารถใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตจ่ายค่าผ่านทางได้ทันที โดยรองรับทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) บริษัท ทางด่วน และรถไฟฟ้ากรุงเทพฯ (BEM) และบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (ดอนเมืองโทลล์เวย์) ดังนี้
- ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1)
- ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2)
- ทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน-ปากเกร็ด)
- ทางพิเศษประจิมรัถยา (ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก)
- ทางพิเศษฉลองรัช
- ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์)
- ทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์)
อ้างอิงข้อมูลจาก BEM, ดอนเมืองโทลล์เวย์, ธนาคารกรุงไทย
สำหรับการหักค่าใช้จ่าย เมื่อจ่ายค่าโดยสาร/่ค่าผ่านทางด้วยบัตรต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่จะหักเงินในทันทีที่แตะออกจากระบบรถไฟฟ้า หรือหักทันทีที่แตะ ณ ด่านผ่านทางพิเศษ ยกเว้นกรณีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ที่จะหักในช่วงประมาณ 02.00 น. ของวันถัดไป โดยเป็นการหักค่าโดยสารแบบรวมยอดค่าโดยสารที่เกิดขึ้นในวันนั้น
ลงทะเบียน รถไฟฟ้า 20 บาท ทำอย่างไร ?
สำหรับการลงทะเบียนบัตรเดบิต-บัตรเครดิต เพื่อรับสิทธิตามมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาท ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่จะถึงนี้
จะต้องลงทะเบียนผ่านแอป “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ไม่มีการจำกัดจำนวนสิทธิ และไม่มีกำหนดปิดลงทะเบียน โดยกรอกข้อมูลสำคัญ 2 อย่าง คือ หมายเลขบัตรประชาชน และข้อมูลบัตรที่จะใช้ชำระค่าโดยสาร เพื่อเป็นการยืนยันตัวตน ให้ระบบสามารถจัดการค่าใช้จ่ายระหว่างผู้ให้บริการที่ต่างกันได้
หากไม่ได้ลงทะเบียนรับสิทธิตามมาตรการ รถไฟฟ้า 20 บาท หรือไม่ได้ใช้งานบัตรที่ลงทะเบียนไว้ จะต้องจ่ายค่าโดยสารในอัตราปกติ
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นหากประชาชนผู้ใช้บริการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าข้ามสาย จะต้องถือบัตร 2 ใบ แต่ชำระค่าโดยสารเพียง 20 บาทตลอดสายเท่านั้น ส่วนในระยะต่อไปจะนำเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมเข้ามาใช้ในการพัฒนาระบบ อาทิ การสแกนจ่ายด้วย QR Code สแกนจ่ายค่าโดยสาร เพื่อเพิ่มความสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น
สำหรับวิธีการคิดค่าโดยสาร ตามมาตรการ รถไฟฟ้า 20 บาท มีเงื่อนไขหลัก คือ รถไฟฟ้าแต่ละสายคิดอัตราค่าโดยสารสูงสุด คือ 20 บาท กรณีมีการเปลี่ยนสายการเดินทาง เป็นสายที่ 2 ค่าโดยสารทั้งหมดจะจ่ายแค่ 20 บาท และกรณีอัตราค่าโดยสารไม่ถึง 20 บาท ให้เสียค่าบริการในอัตราปกติ
สำหรับความคืบหน้า นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า แผนยังคงเดิมโดยจะเริ่มมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทุกสี (8 สี) อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคม 2568
และเตรียมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนใช้สิทธิผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ“ โดยจะเปิดให้เริ่มลงทะเบียนหลังเที่ยงคืนวันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม 2568 หรือ เวลา 00.01 น. ของวันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม 2568 (ลงได้ต่อเนื่องไม่จำกัดวันและไม่จำกัดอายุ)
โดยภายหลังเริ่มนโยบายดังกล่าวคาดว่า รถไฟฟ้าสายสีม่วง มีประชาชนใช้บริการเพิ่มมากกว่า 250,000 คนต่อวัน จากเดิมที่มีการใช้บริการ ประมาณ 150,000 คนต่อวัน
วิธีเก็บค่าโดยสาร รถไฟฟ้า 20 บาท
การเรียกเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จากสถานีต้นทางจนถึงสถานีปลายทาง หน่วยงานผู้ให้บริการรถไฟฟ้าจะร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ในการเตรียมระบบการตรวจสอบข้อมูลการเดินทาง (Trip) และคำนวณค่าโดยสาร (Fare) ให้เป็นไปตามเงื่อนไขทางธุรกิจ (Business Rules) เพื่อส่งข้อมูลการเดินทางให้แก่ผู้รับบัตร
โดยบัตร Mastercard and Visa ที่เป็นระบบ Contactless บริษัท ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ดำเนินการรวบรวมข้อมูล EMV Acquirer ส่วนบัตรโดยสาร Rabbit แบบ ABT บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด (BSS) ดำเนินการรวบรวมข้อมูล Rabbit Acquirer ก่อนส่งให้ระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House : CCH) โดยทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลและแจ้งยืนยันการเดินทางข้ามโครงข่ายของบัตร EMV และบัตรโดยสาร Rabbit ABT
กรณีที่ผู้โดยสารไม่ได้เดินทางเข้า-ออกบริเวณจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า (Interchange) ผู้ให้บริการแก่ผู้รับบัตร (Acquirer) จะเรียกเก็บค่าโดยสารตามเงื่อนไขทางธุรกิจ (Business Rules) ที่กำหนดไว้
แต่หากเป็นกรณีที่ผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออกบริเวณจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า (Interchange) ที่กำหนดไว้ ข้อมูลการเดินทางจะถูกส่งไปที่ CCH เพื่อตรวจสอบข้อมูลการเดินทางข้ามโครงข่ายของผู้โดยสารตามเงื่อนไขทางธุรกิจ ก่อนแจ้งให้ผู้ให้บริการแก่ผู้รับบัตร (Acquirer) เรียกเก็บค่าโดยสารตามเงื่อนไขทางธุรกิจ (Business Rules) ที่กำหนดไว้
“บัตร EMV” พระเอก ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’
สำหรับบัตร EMV ไม่ใช่บัตรประเภทใหม่ที่หลายคนอาจจะเข้าใจ แต่เป็นชื่อเรียกมาตรฐานความปลอดภัยของบัตรชำระเงิน
โดย EMV ย่อมาจากชื่อของ 3 เครือข่ายการชำระเงิน ได้แก่ Europay, Mastercard and Visa ซึ่งร่วมกันกำหนดมาตรฐานสำหรับการทำงานระหว่างกันของบัตรที่มี IC Chip เช่น บัตรเครดิต กับเครื่อง Terminal เช่น เครื่องรูดบัตร หรือตู้ ATM ซึ่งต่อมาบัตรเครดิตค่ายอื่น ๆ ก็เข้าร่วมเพิ่มขึ้น และพัฒนากลายเป็นมาตรฐานสากล (แตกต่างจากบัตรแถบแม่เหล็กแบบเดิม)
มาตรฐาน EMV ทำหน้าที่เป็นแกนหลักของเทคโนโลยีด้านการชำระเงิน โดยจะทำให้ธุรกรรมผ่านบัตรและช่องทางชำระเงินต่าง ๆ มีความปลอดภัยสูงขึ้น ชาญฉลาดยิ่งขึ้น และไว้วางใจได้มากขึ้น และเมื่อผนวกกับเทคโนโลยี Contactless (การชำระเงินแบบแตะจ่าย) ทำให้การชำระเงินแบบไร้สัมผัสได้รับการปกป้องด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยหลายชั้น โดยไม่ต้องยุ่งยากกับเงินสดอีกต่อไป ด้วยการชำระเงินที่รวดเร็วและง่ายดาย เพียงแค่แตะเพื่อจ่ายเงินในทุกแห่งที่คุณเห็นสัญลักษณ์ Contactless
ระบบ EMV ช่วยเปลี่ยนโฉมการใช้งานระบบรถไฟฟ้า จากเดิมที่ต้องมีบัตรโดยสารของผู้ให้บริการแต่ละสายแยกกัน หรือต้องซื้อเหรียญ-ซื้อตั๋วโดยสารในแต่ละครั้ง เป็นการที่สามารถใช้งานบัตรเครดิต/บัตรเดบิต แตะเข้า-ออกระบบรถไฟฟ้าได้ทันที ลดการพกบัตรหลายใบได้ ซึ่งประเทศไทยมีการผลักดันสังคมไร้เงินสด ส่งเสริมการใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัล รวมถึงบัตรเดบิตมาตั้งแต่ปี 2559
ทั้งนี้ โดยทั่วไป บัตร EMV แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
1. บัตร EMV แบบ Contactless (แตะจ่าย)
บัตร EMV แบบ Contactless สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียบบัตรหรือรูดบัตร แต่ใช้วิธี “แตะ” กับเครื่องอ่านที่รองรับเทคโนโลยี NFC (Near Field Communication) เหมาะกับธุรกรรมมูลค่าน้อย เช่น การซื้อของในร้านสะดวกซื้อ หรือจ่ายค่ารถไฟฟ้า จุดเด่นคือความรวดเร็วและไม่ต้องสัมผัส
2. บัตร EMV แบบ Chip & Signature
แทนที่จะใช้รหัส PIN ผู้ใช้จะต้องเซ็นชื่อ เพื่อยืนยันตัวตนใน “ทุกธุรกรรม” เช่น เวลาใช้บัตรรูดที่ร้านค้า พนักงานจะตรวจสอบลายเซ็นบนใบเสร็จเทียบกับลายเซ็นที่ด้านหลังบัตร
3. บัตร EMV แบบ Chip & PIN
บัตรประเภทนี้จะต้องใช้ รหัส PIN (Personal Identification Number) ในการยืนยันตัวตนทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรม เช่น การชำระค่าสินค้า หรือการถอนเงินผ่านตู้ ATM ระบบนี้ถือว่ามีความปลอดภัยสูง เนื่องจากผู้ถือบัตรต้องรู้รหัสลับจึงจะสามารถใช้งานบัตรได้
อ้างอิงข้อมูลจาก ธนาคารกรุงไทย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : บัตรเดบิต แตะขึ้น MRT ได้ อัพเดต 2568 ธนาคารไหนรองรับบ้าง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net