[Vision Exclusive] TOG ผ่านจุดต่ำสุด ย้ำตลาดสหรัฐยังโต

บิ๊ก TOG “ธรณ์ ประจักษ์ธรรม” เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 42 ล้านบาท มองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว คาดครึ่งปีหลังเริ่มฟื้นตัว ย้ำตลาดสหรัฐฯ ยังเป็นตลาดหลัก หลังภาพรวมด้านภาษีมีความชัดเจน เชื่อทุกอย่างจะทยอยกลับสู่ภาวะปกติ พร้อมเดินหน้าแผนลงทุนเวียดนามเพื่อกระจายฐานการผลิต และตั้งเป้ารักษารายได้ปี 2568 ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า พร้อมปันผล 0.20 บาทต่อหุ้น

นายธรณ์ ประจักษ์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG เปิดเผยว่า บริษัทรายงานไตรมาส 2/2568มีกำไรสุทธิจำนวน 42 ล้านบาท ลดลง 78 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 65 จากปีก่อนในช่วง 6 เดือนของปี 2568 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวมจำนวน 140 ล้านบาท ลดลง 91 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 39 จากปีก่อน

ในไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 871 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 73 ล้านบาท หรือร้อยละ 8 โดยส่วนใหญ่เป็นการลดลงของกลุ่มเลนส์สั่งฝนพิเศษ ประมาณ 30 ล้านบาท

กลุ่มเลนส์พลาสติกราคามูลค่าเพิ่ม 28 ล้านบาท กลุ่มเลนส์พลาสติกธรรมดา 25 ล้านบาท

ในช่วง 6 เดือนของปี 2568 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 1,770 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 19 ล้านบาท หรือร้อยละ 1 โดยมีการเพิ่มขึ้นและลดลงของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังนี้ กลุ่มเลนส์สั่งฝนพิเศษ เพิ่มขึ้น 25 ล้านบาท กลุ่มเลนส์พลาสติกราคามูลค่าเพิ่ม ลดลง 14 ล้านบา กลุ่มเลนส์พลาสติกธรรมดา ลดลง 53 ล้านบาท กลุ่มเลนส์กระจก สินค้าและบริการอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 27 ล้านบาท ซึ่งการที่ผลกำไรของบริษัทลดลงเป็นผลมาจากเรื่องของนโยบายภาษีสหรัฐทีทำให้ช่วงที่ผ่านมา ยอดขายในบางประเทศลดลงเพราะมีการแข่งขันสูงมีการเร่งระบายสินค้าจากบางประเทศ ทำให้ยอดขายและมาร์จิ้นของบริษัทลดลงไปด้วย แต่บริษัทมองว่าผลประกอบการไตรมาส 2/2568 นี้เป็นจุดต่ำสุแล้ว และคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 แต่ในด้านตลาดสหรัฐฯ ก็ยังถือว่าเป้นตลาดสำคัญของบริษัทและจะเดินหน้าผลักดันยอดขายควบคู่ไปกับการกระจายความเสี่ยงไปยังประเทศอื่นๆ เพิ่ม

อีกทั้งบริษัทบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์รับมือความเสี่ยง บริษัทฯ ยังคงยึดแนวทางในการกระจายตลาด และออกแบบสัดส่วนรายได้จากตลาดที่มีความเสี่ยงด้านภาษีน้อย เช่น ในยุโรป อาเซียน และตลาดใหม่ ๆ พร้อมทั้งปรับโมเดลธุรกิจให้สามารถจัดการกับภาระภาษีบางส่วน และยังคงแผนที่จะไปขยายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศ โดยมองว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพ แต่ต้องมีการศึกษาการลงทุนให้รอบคอบ

ในส่วนของต้นทุน บริษัทฯ ได้ปรับกระบวนการสั่งซื้อวัตถุดิบและบริการโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงยกระดับกระบวนการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ และการวิจัยเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อเพิ่มคุณภาพในขณะที่ยังควบคุมต้นทุนให้คงที่ ในด้านการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทฯ ใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Forward Contract) เพื่อสร้างเสถียรภาพในการจัดซื้อวัตถุดิบ ดังนั้นปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะทำให้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 3.5 พันล้านบาท และพยายามบริษัทมาร์จิ้นให้ใกล้เคียงปีก่อนเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการรบริษัทยังมีมติอนุมัติ จ่ายปันผลเป็นเงินสด อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.20 บาทต่อหุ้น วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) : 15 สิงหาคม 2568 และวันที่จ่ายปันผลคือวันที่ 03 กันยายน 2568

รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว Hoonvision