สธ. เผยเหตุปะทะคนไทยเจ็บเพิ่ม 2 ราย สาหัสเพิ่มเป็น 10 ราย
เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามการดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ข้อมูลเมื่อเวลา 14.00 น. มีประชาชนเสียชีวิตเท่าเดิม 13 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมบาดเจ็บสะสม 33 ราย ในจำนวนนี้กลับบ้านได้แล้ว 18 ราย เหลือพักรักษาในโรงพยาบาล 15 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 10 ราย และอาการปานกลาง 5 ราย ดังนี้ จ.อุบลราชธานี 5 ราย รักษาที่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ 4 ราย อาการหนัก 2 ราย ปานกลาง 2 ราย และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม 1 ราย อาการปานกลาง, จ.ศรีสะเกษ 8 ราย รักษาที่ รพ.ศรีสะเกษ อาการหนัก 7 ราย และปานกลาง 1 ราย, จ.สุรินทร์ 1 ราย อาการหนัก รักษาที่ รพ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ 1 ราย อาการปานกลาง รักษาที่ รพ.บุรีรัมย์
นพ.วีรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับโรงพยาบาลที่ต้องปิดบริการยังคงเดิม 7 แห่ง แต่มีโรงพยาบาลที่เปิดบริการเฉพาะฉุกเฉินเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง คือ รพ.ปราสาท รวมเปิดบริการเฉพาะส่วน 5 แห่ง มีการอพยพประชาชนรวม 91,810 ราย ในจำนวนนี้อยู่ในศูนย์พักพิง 4 จังหวัด 287 แห่ง รวม 63,359 คน ได้กำชับให้ดูแลด้านการจัดการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม อนามัยสิ่งแวดล้อม และป้องกันควบคุมโรคติดต่อ และให้ทีมเยียวยาจิตใจในภาวะวิกฤติ (MCATT) ติดตามประเมินสภาพจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้อพยพ
ขณะที่ผู้ป่วยฟอกไต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีจำนวน 342 คน ได้ประสานคลินิกและศูนย์ไตเทียม 3 แห่ง ช่วยดูแลแล้ว ทั้งนี้ ได้เตรียมความพร้อมของระบบการแพทย์ฉุกเฉิน โดยจัดรถพยาบาลระดับสูง (ALS) ไว้ 98 คัน รถพยาบาล BLS 60 คัน และชุดปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้น 40 คัน พร้อมสำรองยา เวชภัณฑ์ และเลือด ซึ่งขณะนี้ยังมีพอเพียง.