นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่น้ำท่วมเชียงราย ให้กำลังใจชาวบ้าน
28 มิ.ย. 2568 ณ วัดสันติคีรี อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบปะให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงได้ทักทายประชาชนที่รับผลกระทบจากอุทกภัยด้วยความห่วงใย พร้อมพูดคุยสอบถามถึงความเป็นอยู่ ความต้องการเร่งด่วน รวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะจากประชาชนในพื้นที่ด้วยความห่วงใย รวมทั้งรับฟังรายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมเชียงรายอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด และเน้นย้ำว่า รัฐบาลไม่เคยละเลยความเดือดร้อนของประชาชน โดยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าให้ความช่วยเหลือ พร้อมมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยดูแลติดตามการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เร็วที่สุด
"วันนี้เดินทางมาในฐานะตัวแทนของรัฐบาล เพื่อติดตามสถานการณ์และให้กำลังใจพี่น้องประชาชน เชื่อว่าการได้พบกัน พูดคุยกันโดยตรง จะช่วยเติมพลังใจให้กันและกัน ซึ่งตัวเองก็ได้รับกำลังใจจากประชาชนเช่นกัน" นายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในพื้นที่เร่งดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในทุกด้าน ทั้งด้านความเป็นอยู่ การฟื้นฟูบ้านเรือน และด้านเกษตรกรรมอย่างเป็นระบบ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ พร้อมพบปะ พูดคุย และให้กำลังใจประชาชนด้วยความห่วงใย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น ประชาชนต่างแสดงความรู้สึกดีใจที่นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่มาเยี่ยมเยียนด้วยตนเอง พร้อมกล่าวขอบคุณรัฐบาลที่ไม่ทอดทิ้งประชาชน
นายกรัฐมนตรี พบปะลุ่มชาติพันธุ์ โรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
นายกรัฐมนตรีรับฟังรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลและบุคคลไร้รัฐจากกรมการปกครอง โดยมีการชี้แจงว่ารัฐบาลได้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ บุคคลที่อพยพเข้ามาในราชอาณาจักรก่อนปี พ.ศ. 2542 ซึ่งได้มีการจัดทำทะเบียนประวัติไว้แล้ว จำนวน 340,101 คน และบุตรของบุคคลกลุ่มดังกล่าวอีก 143,525 คน
ผู้ที่เข้าข่ายสามารถยื่นขอแก้ไขสถานะได้ต้องเป็นชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่เคยได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติไว้แล้ว หรือผ่านการสำรวจเพิ่มเติมระหว่างปี พ.ศ. 2548–2554 รวมถึงผู้ที่ตกหล่นจากการสำรวจภายในปี พ.ศ. 2554 โดยผู้ยื่นต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด อาทิ พำนักอยู่ในประเทศไทยต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 15 ปี ไม่มีสัญชาติอื่น มีเลขประจำตัว 13 หลัก และมีความประพฤติดี
สำหรับการยื่นคำร้อง ผู้มีภูมิลำเนาในกรุงเทพมหานครสามารถยื่นคำร้อง ต่อผู้อำนวยการ สำนักกิจการความมั่นคงภายใน ที่กรมการปกครอง ส่วนในส่วนภูมิภาคหรือจังหวัดต่าง ๆ สามารถยื่นคำร้อง ต่อนายอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอ โดยต้องใช้เอกสารประกอบ ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน/ทะเบียนประวัติ และบัตรประจำตัวที่มีเลขประจำตัว 13 หลัก
มอบบัตรปชช.คนไทยให้กลุ่มชาติพันธุ์เชียงราย
นายกรัฐมนตรีได้มอบบัตรประชาชนให้กับผู้ได้รับสัญชาติไทย พร้อมกล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาพบกับทุกคนอีกครั้ง และมาประกาศข่าวดีที่สำคัญ คือ พี่น้องทุกคนมีสิทธิที่จะยื่นขอรับรองสถานะเพื่อให้ได้รับบัตรประจำตัวประชาชน และได้รับสิทธิในฐานะคนไทยอย่างเสมอภาค และร่วมกันพัฒนาชาติไทย
"จำได้ว่าเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน เคยลงพื้นที่พบพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ และได้รับฟังเรื่องราวความเดือดร้อนที่ไม่มีบัตรประชาชน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานและสวัสดิการของรัฐได้ วันนั้นดิฉันฟังแล้วรู้สึกสะเทือนใจมาก และตั้งใจไว้ว่าจะผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม จนเป็นผลสำเร็จในวันนี้" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องมาอย่างต่อเนื่อง มีการลดขั้นตอน ลดระยะเวลาการพิจารณาเหลือเพียง 5 วัน จากเดิมที่ต้องรอเป็นเวลานาน ซึ่งขณะนี้เรื่องดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว และกำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 มิถุนายนนี้
อยากเห็นพี่น้องสามารถเดินทางได้อย่างมั่นใจ มีบัตรประชาชน มีสิทธิในการรับบริการจากรัฐ และได้รับการยอมรับในฐานะประชาชนของประเทศนี้อย่างเสมอภาคและมีศักดิ์ศรี
ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับประชาชนในพื้นที่ ท่ามกลางบรรยากาศเป็นกันเอง ประชาชนต่างร่วมแสดงความขอบคุณ และกล่าวให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี โดยมีประชาชนจำนวนมากมายืนรอต้อนรับ ส่งรอยยิ้ม และโบกมืออำลาอย่างอบอุ่น ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร