โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

“ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” หวังให้สื่ออยู่ในอุ้งมือ?

สยามรัฐ

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย

ภายหลังจากที่ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”สามารถรวบเอาศาลสูงสุดและสภาคองเกรสเข้าไปอยู่ในการควบคุมของรัฐบาลยุคเขาแล้ว ดูเหมือนว่าขั้นตอนต่อไป เขาต้องการที่จะเข้าไปควบคุมด้านสื่อให้อยู่ในสายตาของเขานั่นเอง

ตามแม่บทรัฐธรรมนูญถือได้ว่าการให้อิสระต่อบรรดาสื่อมวลชนเป็นเสาหลักของประเทศที่ดำรงอยู่ในระบอบประชาธิปไตย!!!

อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังดำเนินอยู่นั้น ก็เพื่อต้องการที่จะมีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ และเมื่อเป็นเยี่ยงนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่เขาจะต้องเข้าไปควบคุมระบบการทำงานของสื่อมวลชน โดยเขาออกมากล่าวอ้างว่า “เพื่อความมั่นคงของประเทศ”

เป็นที่น่าสังเกตว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ก็มีสื่อของตนเองด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ “Truth Social” ที่เขามักจะนำเอามาใช้เป็นอาวุธทั้งโพสต์ขู่และโจมตี หรือวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายที่เขาไม่เห็นด้วย หรือ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับเขาอย่างเข้มข้นดุดันไม่เกรงใจใคร มีผลทำให้สื่อของเขากลายเป็นกระบอกเสียงในการบริหารประเทศของเขาไปในตัวอีกด้วย

นอกจากการที่เขาออกมากล่าวข่มขู่ต่อฝ่ายตรงข้ามที่ไม่เห็นด้วยแล้ว หากไม่ได้ผลขั้นตอนต่อไปที่เขาจะทำก็คือ ฟ้องร้องเรียกเอาค่าเสียหาย ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้ผลเป็นอย่างดี เพราะบรรดาสื่อทั้งหลายต่างเกรงกลัวต่อการที่จะถูกผู้นำของประเทศที่มีอำนาจอยู่ในมือโจมตี แถมยังฟ้องร้องเรียกเอาค่าเสียหาย

สื่อทุกสื่อไม่ว่าจะเป็น “นิวยอร์กไทมส์”, “สถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีซี”, “สถานีโทรทัศน์ช่องเอบีซี”, “สถานีโทรทัศน์ช่องซีบีเอส” และ “สถานีโทรทัศน์ช่องซีเอ็นเอ็น” ที่สื่อที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นสื่อของสหรัฐฯที่ได้รับความเชื่อถือ และดูเหมือนว่าบรรดาสื่อเหล่านี้ต่างตกเป็นเป้าหลักที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการจะเข้าไปควบคุม โดยเขามักจะกล่าวโจมตีว่า “เป็นสื่อที่นำเสนอแต่สิ่งเท็จ ที่ถือเป็นศัตรูของประชาชน” (ข้อมูลจาก Donald Trump’s conflict with the media: Wikipedia)

และเป็นที่น่าสังเกตที่ไม่ว่าจะเป็น “อดีตนายกรัฐมนตรีโจเซฟ สตาลิน”แห่งสหภาพโซเวียต หรือไม่ว่าจะเป็น “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์”อดีตผู้นำเผด็จการชาวเยอรมัน แม้กระทั่ง “อดีตประธานพรรคคอมมิวนิสต์เหมา เจ๋อตง”ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้นำเผด็จการต่างก็ยึดหลักประกาศโจมตีโน้มน้าวให้ประชาชนเชื่อว่า “สื่อมวลชนเป็นศัตรูของประชาชน”

เมื่อเดือนมกราคม ปีค.ศ. 2017 หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาว เพื่อดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในสมัยแรกนั้น เขามักจะออกมากล่าวโจมตีกล่าวหาอย่างย้ำๆซ้ำๆว่าสื่อมวลชนเป็น “ศัตรูของชาวอเมริกัน”

ทั้งนี้การโจมตีสื่อถือว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของประธานาธิบดีทรัมป์ (ข้อมูลจากHarvard Kennedy School: Enemy of the People: Trump’s war on the Press, the New McCarthyism, and the Threat to American Democracy. Brookings Institution Press 2018)

ที่ผ่านๆมา“วุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอรส์”นักการเมืองชื่อดัง เมื่อวันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2025นี้ วุฒิสมาชิกแซนเดอรส์อดรนทนไม่ไหวลุกขึ้นมากล่าวบริภาษต่อประธานาธิบดีทรัมป์ในทำนองที่ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังวางตนเป็นตัวบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ และกำลังจะพาสหรัฐฯเข้าไปสู่ระบอบเผด็จการ โดยมีบรรดาเหล่ามหาเศรษฐีเข้ามาร่วมมือช่วยเหลืออีกด้วย”

ทั้งนี้วุฒิสมาชิกแซนเดอรส์มุ่งไปในประเด็นเฉพาะเจาะจงที่ บริษัทแม่ของสถานีโทรทัศน์ช่องซีบีเอส ซึ่งนั่นก็คือคือ “บริษัทพาราเมาท์” ตัดสินใจยอมจ่ายเงิน 16 ล้านดอลลาร์ให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์ในรูปแบบเงินบริจาค โดยสถานีโทรทัศน์ช่องนี้กล่าวอ้อมๆแอ้มๆในทำนองว่า ต้องการจะให้ประธานาธิบดีทรัมป์นำไปสร้างห้องสมุดเป็นศูนย์กลางเก็บเอกสารภายหลังจากที่เขาพ้นจากตำแหน่ง

อนึ่งข้อตกลงที่ต้องการจะยุติคดีความที่มีต่อประธานาธิบดีทรัมป์ สืบเนื่องมาจากสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสตัดเอาบทสัมภาษณ์ใน “รายการ 60 Minutes” ซึ่งเป็นรายการข่าวหลักออกมานำเสนอนั่นเอง

โดยการกระทำของสถานีโทรทัศน์ช่องซีบีเอสในครั้งนี้วุฒิสมาชิกแซนเดอรส์ ได้ออกมากล่าวเตือนสติในทำนองว่า ข้อตกลงที่บริษัทพาราเมาท์ทำในครั้งนี้ จะยิ่งทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ใจ และจะกล้าทั้งโจมตี ทั้งฟ้องร้อง และกล้าที่จะออกมาข่มขู่ต่อสื่อมวลชนยิ่งขึ้น โดยวุฒิสมาชิกแซนเดอรส์ชี้ว่านี่คือ “วันอันแสนมืดมนต่ออิสรภาพและเสรีภาพของสื่อมวลชน”

นอกจากนั้นเมื่อเดือนธันวาคม ปีค.ศ. 2024 ก็ยังมี “สถานีโทรทัศน์ช่องเอบีซี” จ่ายเงิน 15 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีความหมิ่นประมาทที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยื่นฟ้องร้อง ทั้งนี้สถานีโทรทัศน์ช่องเอบีซีซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ “บริษัทวอล์ทดิสนีย์” ซึ่งบริษัทแห่งนี้ยังต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกหนึ่งล้านดอลลาร์สำหรับค่าธรรมเนียมทางกฎหมายอีกด้วย (ข้อมูลจาก New York Times: ABC to Pay 15 Million to Settle a Defamation, เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2014)

อีกกรณีหนึ่งล่าสุดก็ยังมี “บริษัท Meta” ตกลงที่จะยอมจ่ายให้แก่ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นเงิน 25 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีความที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยื่นฟ้องร้องเอาไว้ เมื่อปี 2021 หลังจากที่ Meta ระงับบัญชีของประธานาธิบดีทรัมป์ หลังจากที่มีการโจมตีอาคารรัฐสภาของสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ออกมากล่าวว่า จะนำเงินดังกล่าวไปใช้เป็นกองทุนสร้างหอสมุดหลังภายหลังเขาพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดี

ทั้งนี้ยังมีข่าวที่เกิดเป็นประเด็นร้อนครั้งล่าสุดนี้ ที่เกิดขึ้นระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ กับ “มหาเศรษฐีรูเพิร์ต เมอร์ด็อก” เจ้าพ่อสื่อยักษ์ใหญ่ เจ้าของหนังสือพิมพ์ชื่อดัง “เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล” ที่ถึงแม้ว่าทั้งคู่ต่างก็เคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนก็ตาม แต่กลับปรากฏว่า เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2025 นี้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ยื่นฟ้องร้องต่อรูเพิร์ต เมอร์ด็อกและหนังสือพิมพ์ “เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล” หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาแถลงว่า

หนังสือพิมพ์ดังกล่าวใส่ร้ายข้าพเจ้าด้วยการเขียนบทความว่า ข้าพเจ้าส่งคำอวยพรวันเกิดพร้อมลายเซ็นและภาพวาดที่มีเนื้อหาหยาบคายที่สื่อไปถึงเรื่องเพศให้แก่ “เจฟฟรีย์ เอปเสตน์”ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเขาผู้นี้เสียชีวิตไปแล้วขณะที่ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำ เมื่อปีค.ศ. 2019 โดยในเรื่องนี้ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกค่าเสียหายเป็นเงินถึง 10 พันล้านดอลลาร์ (ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ New York Times: Trump Sues Murdoch and Wall Street Journal Over Estein, July 18, 2025; Trump Sharpens attacks on a Favorite Foe: The News Media, วันที่ 21 กรกฎาคม 2025)

คดีนี้อาจจะกลายเป็นซีรีย์เรื่องยาวที่มีเนื้อหาแสนสลับซับซ้อนและมีตัวละครมากมายเข้าไปเกี่ยวข้องจนต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะจบ

และยังเป็นที่น่าสนใจอีกด้วยว่า “หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์เก่าแก่ที่มีอิทธิพลสูงฉบับหนึ่งของสหรัฐฯ และถึงแม้ว่าที่ผ่านๆมาเคยเป็นคู่แข่งสำคัญของหนังสือพิมพ์เดอะวอลสตรีทเจอร์นัลก็ตาม แต่กลับปรากฏว่าหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เข้าไปร่วมผนึกพลังกับหนังสือพิมพ์เดอะวอลสตรีทเจอร์นัลต่อสู้กับประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเน้นย้ำว่า “สื่อจะต้องมีอิสระในการแสดงความคิดเห็น” (จาก The Hill “New York Times comes to Wall Street Journal’s Defense, July 22, 2025)

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นการที่ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ออกมาแสดงตัวเป็นศัตรูกับสื่อมวลชน แถมต้องการที่จะฟ้องร้องเรียกเม็ดเงินจำนวนมหาศาล หากสื่อใดก็ตามเข้าไปคุ้ย แคะ แกะ เกา จนทำให้เขาเกิดอาการเจ็บๆ แสบๆ คันๆ ซึ่งมองไม่ออกว่าการที่เขากระทำเยี่ยงนี้ เพื่อต้องการที่จะเรียกร้องสิทธิ์ ต้องการเงิน หรือว่าต้องการจะทำให้สื่อเกรงกลัวจนไม่กล้าเข้าไปเสนอข่าวยุ่งเกี่ยวกับตน เพื่อที่ตนจะไม่มีข่าวมัวหมองใดๆโผล่ออกมาให้เห็นอีกละครับ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

ระทึก! ไล่ล่าแก๊งอุ้มสาววัย 18 จากตรัง หวังรีดหนี้แทนสามี 3 แสน ช่วยได้ทันที่สตูล

26 นาทีที่แล้ว

ฉลองพระปรางค์วัดอรุณเป็นมรดกโลก จัดสร้างสิงโตหิน กระถางปลูกบัวหิน เป็นอนุสรณ์แห่งความดี

33 นาทีที่แล้ว

“วิสุทธิ์” เผย พท.ประชุมพรรค 5 ส.ค. เคาะรองประธานสภาฯ คนที่ 1

53 นาทีที่แล้ว

กลุ่มเด็กแว้นชนกันเอง ดับ 2 เจ็บ 3 ส่วนเพื่อนร่วมกลุ่มที่เหลือพากันหนี ทิ้งเพื่อนกลางถนน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

ชายมะกันขับรถตกผา รอดชีวิตเพราะสุนัข ช่วยนำทาง ต้องคลานลงเขา 11 ชม.

Khaosod

'กาแฟ' แพงอยู่แล้ว แต่ยังแพงได้อีก เมื่อบราซิลเจอภาษีทรัมป์ 50%

กรุงเทพธุรกิจ

ยุน ซ็อก-ยอล "ถอดเสื้อผ้าประท้วง" ปฏิเสธการสอบสวน ปมประกาศกฎอัยการศึก

TNN ช่อง16

สมรภูมิออนไลน์ไทย-กัมพูชา ปลุกชาตินิยมสุดขั้ว หญิงกัมพูชาวัย 31 เล่าออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น

Thaiger

อดีตนักร้องสาว ประกาศยุติบทบาทเจ้าของกิจการแล้ว พร้อมอำลาแฟนๆที่คอยสนับสนุน (ข่าวต่างประเทศ)

News In Thailand

“ปูติน” เผย เริ่มผลิตขีปนาวุธเหนือเสียงรุ่นใหม่ จ่อประจำการเบลารุส

PPTV HD 36

รัฐบาลทรัมป์ระงับงบวิจัยยูซีแอลเอ เหตุต่อต้านยิว-ละเมิดสิทธิพลเมือง

เดลินิวส์

เลือดมันร้อน! แมวส้มห้าว ตามองไม่เห็นก็ยังปีนต้นไม้ ท้าตีบนหลังคาอย่างเซียน

Khaosod

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...