‘นิพิฏฐ์’ ชี้ข้อพิพาทชายแดนเป็นบทเรียนแห่งความสูญเสีย ย้ำชัดต้องใช้ปัญญา
ยังคงต้องเฝ้าจับตาสถานการณ์กันอย่างต่อเนื่อง สำหรับชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งทางกัมพูชา ได้ออกมาประกาศให้เวลาประเทศไทย 48 ชั่วโมง จากนี้ไปจนถึงเส้นตาย กัมพูชาจะโจมตีสถานที่สําคัญของทหารไทย 3 วิธีใหญ่ เอาชนะฤดูใบไม้ผลิ อาวุธเป้าหมาย และเครื่องบินรบ ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้
- อ่านข่าวต่อ : จัดแล้ว1! ไทยทำลาย “PHL-03” รอติดตามสอยตัวเด็ดของกัมพูชาอีก 5 ระบบ
- อ่านข่าวต่อ : เกาะติดสถานการณ์ ‘ไทย-กัมพูชา’ สู่วันเสียงปืนแตก สู้รบกันวันที่สี่ #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า“นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีต สส.พัทลุง ได้ออกมาโพสต์ถึงกรณีชาวบ้านใกล้ล้มละลาย ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยชี้ว่าแม้จะยังไม่เรียกว่า “สงคราม” แต่การสู้รบที่เกิดขึ้นได้สร้างความสูญเสียให้ประชาชนทั้งสองประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยเจ้าของโพสต์ ระบุข้อความว่า "เราได้อะไรจากข้อพิพาทชายแดน เหตุการณ์สู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังไม่เรียกว่าเป็น “สงคราม” แต่เรียกว่าเป็น “ข้อพิพาทชายแดน” เพราะยังไม่มีการประกาศสงคราม และยังไม่ส่งเครื่องบินและกำลังรบเข้าไปเกินแนวเขตชายแดน แต่จะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ มันก็คือการสู้รบ ที่ต้องเสียเลือดเนื้อของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย แล้วคนไทยได้ข้อคิดอะไรจากการสู้รบครั้งนี้แล้วหรือยัง ทุกเรื่อง ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราต้องได้ “ปัญญา” จากเหตุการณ์นั้นเสมอ ไม่งั้นอนาคตของประเทศจะบอบช้ำซ้ำรอย จะถอยหลัง ไม่พัฒนาไปข้างหน้า ผมคิดว่าเราต้องทบทวนว่า ความขัดแย้งรุนแรงนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความขัดแย้งของคน 2 ตระกูล จนเลยเถิดไปก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย ประชาชน 2 ประเทศควรทบทวน ทำนอง “เจ็บแล้วต้องจำ"
อย่างไรก็ตาม "ทหารมีไว้ทำไม คำกล่าวนี้ ประชาชนคนไทยส่วนหนึ่งเคยชื่นชอบ ตรึงตา ตรึงใจ วันนี้เราควรทบทวนหรือไม่ ผมไม่ได้กระหายสงครามแม้แต่น้อย แต่ผมไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง กับ “การทำร้ายพลเรือน” มันเป็นอาชญากรสงครามอย่างชัดเจน และแน่นอนผมสนับสนุนให้จัดการกับผู้นำ และกองกำลังที่ก่ออาชญากรรมนั้น แปลกไหมครับ ในช่วงการสู้รบ ประชาชนและทหารบาดเจ็บล้มตาย"
ขอบคุณข้อมูล : นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ