“พระพยอม” เตือนวิกฤตชายแดนต้องใช้สติ
(26 ก.ค. 68) ที่วัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ให้สัมภาษณ์ถึงมุมมองต่อสถานการณ์การสู้รบที่กำลังตึงเครียดอยู่ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้ถ้อยคำให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึงครอบครัวของผู้ได้รับผลกระทบ
พระพยอม กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่ามนุษย์ยังไม่ฟังคำสอนของคนโบราณที่ว่า “อย่าเปลี่ยนสนามการค้าให้เป็นสนามรบ แต่ควรเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า” พร้อมเปรียบเทียบว่า การเป็นผู้นำแล้วพาคนไปตาย เรียกว่าความเสียหาย หากเปรียบเหมือนโคฝูงหนึ่งที่ต้องข้ามน้ำ หัวหน้าฝูงควรลงไปตรวจดูก่อนว่าลึกหรือตื้น ไม่เช่นนั้นทั้งฝูงก็จะจมน้ำตายหมด ดังนั้น ผู้นำที่ดีควรมีสติ ไตร่ตรอง และหลีกเลี่ยงหายนะก่อนตัดสินใจใด ๆ
วันนี้ฮุนเซนพาประชาชนเขมรไปตาย รวมถึงคนไทยอีกหลายศพ หัวหน้าแบบนี้พูดตรง ๆ ก็โง่กว่าวัวควาย ถ้าฉลาดก็ควรจะหยุดยั้งได้แล้ว ไม่มีอะไรนอกจากความสูญเสีย พระพยอมกล่าว พร้อมระบุว่า การโจมตีที่ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่ปลอดภัย เช่น โรงพยาบาลหรือโรงเรียน เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิตโดยไม่จำเป็น
พระพยอม ยังกล่าวอีกว่า ความรุนแรงในครั้งนี้สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างมาก ทั้งในด้านชีวิต ความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจ ไม่สามารถเก็บผลผลิตหรือประกอบอาชีพได้ โรงเรียนหลายแห่งต้องปิดทำการ เด็กขาดโอกาสเรียนรู้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเจริญของประเทศในระยะยาว พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันยุติสงคราม และหันมาใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหา ใครที่เป็นชนวนให้เกิดภาวะสงคราม เท่ากับสร้างความทุกข์ให้กับประเทศชาติ
สำหรับครอบครัวของทหารไทยที่เสียชีวิต ก็ขอให้กำลังใจว่า “ขอให้ภูมิใจที่เขาได้ทำหน้าที่เพื่อชาติอย่างสมบูรณ์ อย่าเสียใจจนเกินไป เชื่อว่ารัฐบาลมีมาตรการเยียวยาเต็มที่ และในหลวงก็ทรงดูแลไม่ทอดทิ้งผู้เสียสละเหล่านี้แน่นอน ในส่วนของประชาชนที่ต้องอพยพ ขอให้มีสติ ไม่ยึดติดกับทรัพย์สิน วอนให้ทุกคนปลอดภัย”
ทั้งนี้ อยากจะขออย่าทำร้ายกันเองในยามวิกฤต โดยเฉพาะการใช้ความรุนแรงกับแรงงานต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในประเทศ อย่าไปไล่ทุบตีเขา แม้เขาจะเป็นชาวกัมพูชา ทุกคนต้องหาเลี้ยงชีวิต อย่าไปพ่นทุกข์ใส่ใคร เหนื่อยจากงานก็พอแล้ว ยังจะมาเหนื่อยกับความรุนแรงอีก อย่าไลฟ์สดใส่ร้ายกันจนเขาหมดกำลังใจ ปล่อยให้เขาได้ทำงานเพื่อประเทศของเราเถิด ซึ่งภายในวัดสวนแก้วเองก็มีแรงงานชาวกัมพูชาทำงานอยู่ และไม่มีปัญหาใด ๆ เพราะทุกคนต่างอยู่ร่วมกันด้วยความเมตตา มีธรรมะเป็นที่พึ่ง และเชื่อว่าธรรมะยังคงคุ้มครองทุกคนได้ในยามที่โลกวุ่นวายเช่นนี้