ย้อนมหากาพย์คดีที่ดินอัลไพน์ เบื้องหลัง ป.ป.ช.ลุยสางคดีทุจริต
ที่ดินหลายร้อยไร่ ในอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นมรดกที่ นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ทำพินัยกรรมยกให้กับวัดธรรมิการามวรวิหาร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อปี 2512 แต่ปัจจุบันนั้นเป็นสนามกอล์ฟ และหมู่บ้านจัดสรร กลายเป็นคดีมหากาพย์ที่ยืดเยื้อมาหลาย 10 ปี
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายน 2531 เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหารทำหนังสือถึงนายเสนาะ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น เพื่อขออนุญาตถือครองที่ดินเกิน 50 ไร่ ตามกฎหมายที่ดิน
ถัดจากนั้นในเดือนสิงหาคม 2533 ศาลแพ่งมีคำสั่งให้มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยเป็นผู้จัดการมรดก จึงมีการโอนที่ดิน 2 แปลง ให้มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย และในวันเดียวกันก็จดทะเบียนโอนขายที่ดินดังกล่าวให้บริษัทเอกชน
ผ่านไปกว่า 10 ปี กระทั่งเดือนธันวาคม 2543 กรมการศาสนา หารือข้อกฎหมายไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งวินิจฉัยว่า ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของวัด และเป็นที่ธรณีสงฆ์นับตั้งแต่นางเนื่อม เสียชีวิต ผู้จัดการมรดกต้องโอนที่ดินให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหารเท่านั้น จะโอนให้แก่บุคคลอื่นที่พินัยกรรมไม่ได้ระบุไว้ไม่ได้ กรมการศาสนาจึงทำหนังสือถึงกรมที่ดิน ให้พิจารณาเพื่อถอนการจดทะเบียนที่ดินดังกล่าว ก่อนที่อธิบดีที่ดินจะมีคำสั่งเพิกถอน โดยระบุว่า การจดทะเบียนโอนขายนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาที่ประชุมใหญ่ได้วินิจฉัยว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นทรัพย์มรดกของคุณยายเนื่อม ที่ยกที่ดินแปลงนี้ให้กับวัด โดยพินัยกรรมภายหลังที่คุณยายเนื่อมได้ถึงแก่ความตาย ที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดทันที โดยผลของพินัยกรรม เพราะฉะนั้นวัดจึงได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยพินัยกรรม โดยอาศัยผลทางกฎหมาย เพราะฉะนั้นแล้วการที่อธิบดีกรมที่ดินไปเพิกถอนรายการจดทะเบียน ที่มีการโอนเป็นลำดับต่อๆ กันมา โดยเฉพาะมีการโอนที่ดินไปยังบุคคลอื่นด้วย อธิบดีกรมที่ดินก็เลยเพิกถอนการจดทะเบียน
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ต่อมามีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียยื่นอุทธรณ์ถึง 3 ครั้ง จนกระทรวงมหาดไทยตั้งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองอุทธรณ์ มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น เป็นประธานคณะทำงาน
กระทั่งเดือนมีนาคม 2545 ปลัดกระทรวงมหาดไทยลาออก นายยงยุทธ จึงเป็นผู้รักษาราชการแทน ก่อนจะใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะรักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน จนคณะกรรมการกฤษฎีกา ทำหนังสือไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า การกระทำของนายยงยุทธ จะทำให้เกิดปัญข้อกฎหมาย พร้อมเสนอแนะให้ดำเนินการตามเดิม แต่นายยงยุทธกลับเพิกเฉย แถมยังทำหนังสือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ข้อเสนอแนะดังกล่าวไม่มีผลผูกพันกับกระทรวงมหาดไทย และกรมที่ดิน
นายสุรพงษ์ กล่าวย้ำว่า พฤติการณ์ของนายยงยุทธ ที่พยายามฝ่าฝืนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา และจงใจปฏิหน้าที่ราชการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรี มีเจตนาช่วยเหลือบริษัทเอกชนไม่ให้ถูกเพิกถอนการจดทะเบียนโอนขาย และไม่ให้ที่ดินตกเป็นของธรณีสงฆ์ตามคำสั่งกรมที่ดิน ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. จึงรวบรวมหลักฐานส่งเรื่องไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
“การพิจารณาอุทธรณ์ของท่านปลัดกระทรวงโดยที่ไม่นำความเห็นของกฤษฎีกามาพิจารณา แล้วก็มีการเพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินไป มันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือไม่ ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางก็มีคำพิพากษาออกมาแล้วว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นที่ธรณีสงฆ์และทางกรมที่ดิน ก็ต้องปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการกฤษฎีกา การเพิกถอนคำสั่งกรมที่ดินไปให้เอกชนบางราย หรือบุคคลอื่นได้รับประโยชน์ก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต”
ในครั้งนั้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษาว่า นายยงยุทธ มีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 157 โดยให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งคดีนี้นายยงยุทธ ต้องถูกฝากขังทันที เมื่อครั้งไปฟังคำสั่งศาลในชั้นอุทธรณ์ที่มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และไม่อนุญาตให้ฎีกาคดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความท้าทายของ ป.ป.ช. กับสถานการณ์ทุจริตไทย แย่สุดในรอบ 10 ปี
ป.ป.ช. ย้อนคดี “หมอเลี้ยบ” แทรกแซงตั้ง กก.สรรหาบอร์ดแบงก์ชาติ!
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ย้อนมหากาพย์คดีที่ดินอัลไพน์ เบื้องหลัง ป.ป.ช.ลุยสางคดีทุจริต
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com