รู้ก่อนใคร! 4 ฉากทัศน์ ตั้งรับลุ้นดีลสหรัฐฯ
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 18 กรกฎาคม 2568 เวลา 19.58 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น - บล.กรุงศรี จับตาความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ - ไทย มีการเจรจาเพิ่มกันคืนวานนี้ ทั้งนี้แนวทางล่าสุดที่กระทรวงการคลังประเมิน: ต้องชั่งน้ำหนักให้สมดุล 2 มิติ แง่ผลกระทบผู้ส่งออก และผู้ผลิตกับเกษตรกรในประเทศ ทำให้ อาจไม่จำเป็นต้องเปิดเสรีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ทั้งหมด
ไม่กังวลข้อเสียเปรียบกับเวียดนาม โดยมองสินค้าส่วนใหญ่ผลิตในประเทศต่ำกว่าไทย ทำให้ระดับภาษีจริงที่จะโดนเก็บน่าจะโอนเอียงไปในทาง 40% (เกณฑ์สหรัฐฯ กำหนดสำหรับสินค้าสวมสิทธิ์มากกว่า)
ทั้งนี้ อิงข่าวล่าสุดที่มีการนำเสนอการเปิดเสรีนำเข้าสัดส่วนสูงถึง 90% (จากเดิม 60-69% ของสินค้าทั้งหมด) ประเมินโอกาสทางบวกขึ้น ทำให้ช่องว่างองค์ประกอบดังกล่าวใกล้เคียงเวียดนามและอินโดนีเซีย (เปิด 100%) ช่วยลดความกังวลมุมมองเดิม KSS ที่ประเมิน คือ ข้อเสนอนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ดังกล่าวยังต่ำกว่าประเทศในอาเซียนที่บรรลุข้อตกลงแล้วค่อนข้างมาก เทียบกับในส่วนเวียดนามและอินโดนีเซีย ที่เปิดเสรีทั้งหมด (ได้ดีล 20% และ 19% ตามลำดับ) ผสานเงื่อนไขอื่นที่ไทยไม่ได้มีภาพสหรัฐฯ กังวลเท่าเวียดนาม โดยเฉพาะสินค้าสวมสิทธิ์ ที่เหลือระดับดีลน่าจะขึ้นกับสิทธิ์พิเศษบางประการที่ให้สหรัฐฯ โดยในส่วนของไทยเราคงมุมมองกรณีฐาน (50%) ว่าไทยจะได้ภาษีราว 19-25%
ทั้งนี้ จากดีลที่ทยอยมีข้อสรุป และการประเมินมุมมองการแข่งขันใหม่ ผ่านการอิง Effective tariff rate (คำนวณโดยใช้ภาษีนำเข้าถ่วงน้ำหนักตามสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าแต่ละประเทศนั้น เพื่อสะท้อนความถูก - แพงในมุมมองผู้บริโภคสหรัฐฯ) ฉากทัศน์ใหม่จะเหลือ 4 รูปแบบ (เดิม 5 รูปแบบ) โดยสรุประดับภาษีที่ไทยเสี่ยงเสียศักยภาพแข่งขันด้วยแนวทางดังกล่าวจะอยู่ที่เกินกว่า 25% ดังนี้
1.) ไทยได้ดีล Reciprocal Tariff 15–18%
Effective Tariff Rate (ETR) ของไทยสุทธิจะอยู่ราว 17-18% ต่ำกว่าอินโดนีเซีย (ETR 26%) และเวียดนาม (ETR 18.4%)
คาด SET จะตอบรับทางบวก Bullish +5% ไปซื้อขาย 1260-1300 จุด
กลยุทธ์ เน้นนิคมฯ WHA, AMATA รับ FDI China plus 1 Export Tech เน้น DELTA, KCE, HANA: ส่งออก TU, ITC, AAI, STA
กลุ่มนำเข้า (กรณีไทยตกลงงดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เช่นกัน) COM7, ADVICE, SYNEX, BE8, BBIK, GULF, GPSC, PTTGC, CPF (กรณีไม่นำเข้าสุกร - ไก่)
กลุ่ม Infra + Import Technology Play กรณีไทยมีข้อเสนอพิเศษเปิดสหรัฐฯ ลงทุน Data Center ใช้ไทยเป็นศูนย์กลาง GULF, ADVANC
2.) ไทยได้ดีลภาษี Reciprocal Tariff 19-22%
ETR ของไทยจะอยู่ราว 19% ต่ำกว่าระดับอินโดนีเซีย ETR 26% แต่ใกล้เคียงกับเวียดนาม
คาด SET จะปรับขึ้นแคบ ๆ 2-3% กรอบ 1230-1260 จุด
กลยุทธ์ Selective Reopening Trade ที่ Deep Value อาทิ Export: KCE, HANA นิคมฯ WHA, AMATA
กลุ่มนำเข้า (กรณีไทยตกลงงดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เช่นกัน) ADVANC, COM7, ADVICE, INSET นำเข้าก๊าซ: PTTGC, GPSC, BGRIM
3.) ไทยได้ดีลภาษี Reciprocal Tariff 22-25%
Effective tariff rate ของไทยจะอยู่ราว 21% ดีกว่าอินโดนีเซีย และแต่ยังแข่งกับเวียดนามได้
ประเมินเป็นกลาง SET แกว่งตัวรอปัจจัยใหม่บริเวณ 1200-1230+/-จุด
กลยุทธ์ หุ้นเด่นเน้น กลุ่ม Domestic Defensive: BDMS, CPALL โรงไฟฟ้า: GULF, GPSC เปิดเมือง–ท่องเที่ยว: MINT, CENTEL กลุ่มเช่าซื้อ KTC, MTC
4.) ไทยไม่ได้ดีล ภาษี Reciprocal Tariff 1 ส.ค. คง 36% (แย่กว่าอินโดนีเซียและเวียดนาม) ETR ของไทยจะอยู่ 25% ดีกว่าอินโดนีเซียเล็ก ๆ ที่ 26% แต่เสียเปรียบเวียดนาม 18.4%
ประเมินเป็นลบเทียบกับความคาดหวังตลาดในปัจจุบัน SET มีโอกาสปรับฐานลงไปแกว่งบริเวณ 1120-1150 จุด
กลยุทธ์ เน้นหุ้นดอกเบี้ยลดแบบเร่งลดผลกระทบเศรษฐกิจ KTC, MTC High Yield ADVANC, AP หนี้สูง อาทิ TRUE, MINT, CPALL Defensive: GULF, BCPG กลุ่ม Healthcare BDMS, BCH, CHG ท่องเที่ยว CENTEL, ERW