รับมืออย่างไร เมื่อการไถหน้าจอเสพข่าวร้ายทำลายสุขภาพจิต (Doomscrolling)
เคยไหมที่ตั้งใจจะเช็กข่าวแค่ 5 นาที แต่กลับพบว่าตัวเองจมอยู่กับการไถหน้าจอนานเป็นชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นข่าวสถานการณ์โรคระบาดไปจนถึงความขัดแย้ง วิกฤตเศรษฐกิจ อาชญากรรมรายวันและกลโกงมิจฉาชีพออนไลน์ที่ผุดขึ้นมาใหม่ทุกวัน ทำให้หน้าฟีดของเราเต็มไปด้วยข้อมูลเชิงลบที่ถาโถมเข้ามาจนแทบไม่ได้พักหายใจ ซึ่งพฤติกรรมนี้เรียกว่า “Doomscrolling” หรือการไถหน้าจอเสพข่าวร้ายที่กำลังบั่นทอนสุขภาพจิตของเราโดยไม่รู้ตัว
ทำไมเราถึงหยุดเสพข่าวลบไม่ได้ !
การที่เราไม่สามารถละสายตาจากข่าวร้ายหรือพฤติกรรม Doomscrolling ได้นั้น มาจากหลากหลายปัจจัย เช่น
- อคติเชิงลบ (Negativity Bias) โดยพื้นฐานของสมองมนุษย์ให้ความสนใจกับข้อมูลเชิงลบมากกว่าเชิงบวก เช่น พาดหัวข่าวที่น่ากลัวหรือเรื่องราวดราม่า
- ความพยายามควบคุมสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ผ่านการหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อทำความเข้าใจและเตรียมพร้อมรับมือ แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งทำให้เครียดและกังวลกว่าเดิม
- ความกลัวที่จะตกข่าว (FOMO – Fear Of Missing Out) อ่านข่าวเดิมซ้ำ ๆ เพราะกลัวว่าจะพลาดสิ่งสำคัญต้องตามทันอยู่เสมอ ทำให้ต้องหยิบโทรศัพท์เช็กข่าวอยู่ตลอดเวลา
- ควบคุมตัวเองไม่ได้ จากอัลกอริทึมที่คอยป้อนเนื้อหาที่เราน่าจะสนใจมากที่สุด ทำให้การยับยั้งชั่งใจเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก
อีกปัจจัยที่สำคัญคือ สื่อกระแสหลักมีแนวโน้มนำเสนอข่าวเชิงลบมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤต ยิ่งทำให้สภาพแวดล้อมข่าวสารเต็มไปด้วยเรื่องราวด้านลบ
ผลกระทบของ Doomscrolling ที่มากกว่าความเครียด
การที่เราคอยเฝ้าระวังติดตามข่าวสารคอยเป็นหูเป็นตานั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่หากเราเสพข่าวเชิงลบมากเกินไป สิ่งที่ตามมาไม่เพียงแค่ความเครียดเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปยังสุขภาพร่างกายและจิตใจของเราอีกด้วย ที่นำไปสู่การวิตกกังวลจากการรับข่าวสาร ยิ่งเสพมากการครุ่นคิดถึงข่าวร้ายอาจรบกวนการนอน ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท เสียสมาธิเพราะมัวจดจ่อกับการเสพข่าวร้าย ๆ
สร้างเกราะป้องกันใจเมื่อเจอข่าวร้าย
หากกำลังรู้สึกว่าการเสพติดข่าวร้าย (Doomscrolling) ให้ลองเสริมเกราะป้องกันใจ ดังนี้
- จำกัดเวลา กำหนดเวลาที่แน่นอนในการเช็กข่าวและโซเชียลมีเดียในแต่ละวัน เช่น 15-20 นาทีในช่วงเช้าและเย็น เพื่อไม่ให้การไถหน้าจอเข้ามาควบคุมเวลาในชีวิตเรามากเกินไป
- ปรับพฤติกรรมและหากิจกรรมทดแทน ให้ลองเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่นที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ,ฟังเพลง,จัดบ้าน หรือทำงานอดิเรก เพื่อไม่ให้โฟกัสอยู่ที่ข่าวร้ายมากเกินไป
- ดูแลจิตใจและปรับสมดุลการรับข่าว ฝึกสำรวจอารมณ์ของตัวเอง ไม่ตื่นตระหนกหรือกังวลไปกับข่าวเชิงลบที่ได้รับ และที่สำคัญคือใช้วิจารณญาณในการไตร่ตรองข้อมูลก่อนจะเชื่อเสมอ
สุดท้ายแล้วการให้สิทธิ์ตัวเองได้พักจากข่าวร้าย ไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนไม่ใส่ใจสังคม แต่คือการดูแลตัวเองให้แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีสติและเข้มแข็งต่อไป