อคส. เดินหน้า อุทธรณ์คดีทุจริตถุงมือยาง พร้อมไล่บี้เอาผิดคดีแพ่ง
นายธิรินทร์ ณ ถลาง ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงการที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 พิพากษา ตัดสินยกฟ้องพ.ต.ท.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการ ผู้อำนวยการ อคส. จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 21 คน ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่อคส. ภาคเอกชนผู้ซื้อและผู้ขายถุงมือยาง โดยสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามทุจริต 1 ภาค 1 เป็นโจทย์ยื่นฟ้องบุคคลทั้งหมด กรณีจัดซื้อถุงมือยาง โดยจ่ายเงินล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท เพราะจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ว่า อคส.ได้ประสานขอให้พนักงานอัยการยื่นอุทธรณ์แล้ว คาดว่า น่าจะยื่นอุทธรณ์ได้เร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม อคส.จะขอต่อสู้คดีนี้ให้ถึงที่สุด
“ถือเป็นเรื่องดี ที่ภายหลังการตัดสินยกฟ้องแล้ว อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้มีความเห็นแย้งคำพิพากษาดังกล่าว และน่าจะทำให้พนักงานอัยการได้นำความเห็นแย้งดังกล่าวมาพิจารณาประกอบการยื่นอุทธรณ์ โดยอคส.จะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด”
ทั้งนี้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้มีความเห็นแย้งว่า การจัดซื้อถุงมือยางก่อให้เกิดความเสียหายต่อ อคส. แม้ติดตามเงินกลับคืนได้ แต่ยังเหลืออีกกว่า 1,000 ล้านบาท ที่ยังไม่สามารถติดตามคืนมาได้
โดย พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ และพวกที่ถูกฟ้อง มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดความเสียหายนี้ลดหลั่นกันลงมา และได้ประโยชน์ลดหลั่นกันไป จำเลยแต่ละคนต้องมีความรับผิด หรือโทษทางอาญาหนัก หรือเบาเพียงใด หรือรอลงอาญาหรือไม่ ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง หรือขั้นตอนที่ต้องพิจารณาตามสัดส่วน แต่ศาลคดีอาญาฯไม่ควรยกฟ้องจำเลยทุกคน เพราะเกิดความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเกิดจากพฤติการณ์ไม่สุจริต อันถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดโดยทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
นายธิรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนคดีอาญาฟอกเงิน เมื่อเดือนเม.ย.68 อคส.ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อสอบถามเรื่องนี้ และ ปปง.มีหนังสือตอบกลับมาแล้วว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยก่อนหน้านี้ ได้อายัดทรัพย์สินของผู้กระทำผิดไว้แล้วบางส่วน ยังเหลือเงินที่จะต้องคืน อคส.อีกกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนคดีแพ่ง ที่อคส.ได้ฟ้องร้องเจ้าหน้าที่อคส. 7 ราย ประกอบด้วย พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ และพวก เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินพร้อมดอกเบี้ยรวม 2,003 ล้านบาทนั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฟ้องร้องทางแพ่ง พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ อคส. 7 ราย ประกอบด้วย พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ จำเลยที่ 2 และพวก ตั้งแต่เดือนม.ค.67 โดยฟ้องเรียกค่าเสียหายจำเลยที่ 1-4 คนละ 400 ล้านบาท รวม 1,600 ล้านบาท และจำเลยที่ 5-7 รวมกัน 400 ล้านบาท รวมทั้ง 2,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอีก 3 ล้านบาท ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นประธานบอร์ดอคส. ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จึงโอนคดีไปยังศาลปกครองเพื่อดำเนินการต่อไป
ส่วนพ.ต.ท.รุ่งโรจน์ เป็นบุคคลล้มละลายเมื่อปลายปี 65 จากคดีตั้งแต่สมัยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่สน.ปทุมวัน ขณะที่จำเลยที่ 3-4 ชดใช้คนละ 360 ล้านบาท และจำเลยที่ 5-7 ชดใช้รวมกัน 360 ล้านบาท หรือคนละ 133.33 ล้านบาท สาเหตุที่ศาลตัดสินให้ชดใช้ลดลง เพราะ อคส.ได้รับเงินมัดจำคืนแล้ว 200 ล้านบาท จากทั้งหมด 2,000 ล้านบาท