รมว.ยุติธรรม มอบเงิน บังคับคดียึดทรัพย์กว่า 22 ล้านบาท เยียวยาชาวราชบุรี 652 ราย
รมว.ยุติธรรม’ มอบเงิน บังคับคดียึดทรัพย์กว่า 22 ล้านบาท เยียวยาชาวราชบุรี 652 ราย เหยื่อผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ “ทวี”ชี้เหตุการณ์นี้ย้ำเติอนภาครัฐถึงความล่าช้าของกระบวนการยุติธรรมทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิด การจ่ายเงินส่วนได้ในคดีของศาลแพ่ง หมายเลขคดีแดงที่ สว.3/2563 ระหว่าง นายธนู งามยิ่งยวด ที่ 1 กับพวก โจทก์ บริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จํากัด ที่ 1 กับพวก จำเลย ให้แก่บรรดาเจ้าหนี้คดีแบบกลุ่ม (Class Action) จำนวน 652 ราย ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ
โดยมีนายเสกสรร สุขแสง อธิบดีกรมบังคับคดี เป็นผู้กล่าวรายงาน ซึ่งมีนางสาวฐิติลักษณ์ คำพา ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายเฉลิมชัย บัวจันอัด รองอธิบดีกรมบังคับคดี และผู้บริหารในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วม ณ ศาลาเอนกประสงค์ หมู่ที่ 1 ตำบลน้ำพุ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมมีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม โดยให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม และมีนโยบายในการบริหารและขับเคลื่อนกระทรวงยุติธรรมโดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ให้เข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างทั่วถึง และเสมอภาคอันเป็นภารกิจที่สำคัญของกระทรวงยุติธรรม
สืบเนื่องมาจากกรณีพี่น้องประชาชนชาวตำบลน้ำพุ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ได้รับผลกระทบปัญหาทางสิ่แวดล้อมจากการดำเนินการของ บริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด จึงได้รวมตัวยื่นฟ้อง บริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด โดยการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560 เป็นคดีหมายเลขดำที่ สว.4/2560 ระหว่าง นายธนู งามยิ่งยวด ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน โจทก์ บริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน จำเลย ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ศาลแพ่งมีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ สว.3/2563 พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายแก่ชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และสุขภาพจากการประกอบกิจการของโรงงานดังกล่าว
รวมทั้งฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมสู่สภาพเดิม ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ศาลแพ่งได้มีหมายบังคับคดีให้เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการยึดอายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือกระทำการอื่นใดโดยอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายคดีมีสมาชิกกลุ่มผู้เสียหาย (เจ้าหนี้คดีแบบกลุ่ม) ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด จำนวน 725 ราย รวมเป็นเงิน 113,292,079 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ จำนวน 652 ราย รวมเป็นเงิน 82,720,779 บาท
เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดที่ดิน และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลย รวม 29 แปลง ราคาประเมิน 66,924,601 บาทต่อมาเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ขายทอดตลาดที่ดินได้ 13 แปลง ขายได้ในราคา 22,220,000 บาท และมีการจัดทำบัญชีแสดงรายการรับ – จ่าย ครั้งที่ 1 เรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากคดีนี้ จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษายืน จำเลยได้ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาและฎีกา และคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา ซึ่งศาลแพ่งมีคำสั่งให้รอศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้วจึงจะให้พิจารณาจ่ายเงิน
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ศาลแพ่งได้อ่านคำสั่งศาลฎีกาที่ไม่อนุญาตให้จำเลยฎีกา ยกคำร้องขออนุญาตฎีกา ไม่รับฎีกาของจำเลย และยกคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา คดีถึงที่สุด และศาลแพ่งมีคำสั่งว่าคดีนี้ถึงที่สุดในชั้นศาลอุทธรณ์ จึงมีเหตุให้จ่ายเงินแก่โจทก์และสมาชิกกลุ่มได้ และในวันที่18 สิงหาคม 2568 กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม
ได้ดำเนินการจ่ายเงินส่วนได้ในคดีให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ จำนวน 652 ราย รวมเป็นเงิน 21,533,304 บาท (ภายหลังหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการบังคับคดี) คิดเป็นร้อยละ 26.03 ของยอดหนี้ที่อนุญาตให้ได้รับชำระหนี้ ณ ศาลาเอนกประสงค์ หมู่ที่ 1 ตำบลน้ำพุ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรีส่วนทรัพย์ของจำเลยที่เหลือ คือ ที่ดิน และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 16 แปลง รวมราคาประเมิน 32,063,501 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทำการขายทอดตลาด เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่บรรดาเจ้าหนี้แบบกลุ่มต่อไป
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รมว.ยุติธรรม มอบเงิน บังคับคดียึดทรัพย์กว่า 22 ล้านบาท เยียวยาชาวราชบุรี 652 ราย
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th