‘ลองกอง’ soft power ขึ้นชื่อ ‘ถึงทางตันรอบ 10 ปี’ ติดลบ 100%
วิกฤตผลไม้ soft power ฤดูกาลปี’68 ดิ่งสุด 0 ตัน
เกษตรกรวอน! “ช่วยเข้ามาดูสวนของชาวบ้านบ้าง” หลังผลไม้ ‘soft power’ ถึงทางตัน ไม่ออกผล – ขาดรายได้ ด้านเกษตรจังหวัด เผย! ปีนี้ทุเรียนมากสุดเพียง 527 ตัน ดิ่งลงจากปี ’66 ที่มี 23,830 ตัน ส่วนลองกอง ปี’66 ออกผล 10,657 ตัน ล็อตนี้ไม่มีกินไม่มีขาย 0 ตัน! ตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี “ต้องแก้ไขในเชิงระบบ”
ผลผลิตของผลไม้ตามฤดูกาลในพื้นที่ชายแดนใต้ ปี’68 ถึงขั้นวิกฤตหนักถึงทางตัน ไม่ออกผล – ขาดรายได้ ทำเอาเกษตรกรของ จ.นราธิวาส เดือดร้อนอย่างถ้วนหน้า เนื่องจากผลผลิตที่เชิดหน้าชูตา และเป็น Soft Power คือ ลองกองซีโป, ลองกองตันหยงมัส ไม่ออกดอกออกผลแม้แต่ช่อเดียว อยู่ที่ 0 ตัน เทียบจากปี’66 และ 67 ออกผล 10,657 และ 6,841 ตันตามลำดับ ส่วนเงาะ ออกผลเพียง 36 ตัน เทียบกับปี’66 และ 67 ออกผล 6,590 และ 5,043 ตัน, มังคุด ปี’66 และ 67 ออกผล 11,234 และ 7,922 ตัน มาปีนี้เพียง 305 ตัน และทุเรียน มีเพียง 527 ตัน เทียบจากปี ’66 ที่มีถึง 23,830 ตัน ปี’67 เริ่มลดลง อยู่ที่ 13,479 ตัน ส่งผลให้ผลผลิตที่มีค่าเฉลี่ยติดลบ 100% คือ ‘ลองกอง’ เป็นประวัติการณ์อย่างน่าตกใจ
ปริมาณที่ลดลง แต่ความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น เมื่อ ‘Demand’ และ ‘Supply’ ไม่เท่าเทียมกัน ทำให้เกิดสภาวะขาดแคลนสินค้า ซึ่งวิกฤตผลผลิตปีนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงกับเกษตรกร เจ้าของสวนผลไม้ กระทบต่อผู้บริโภคและการท่องเที่ยวของ จ.นราธิวาสในช่วงฤดูผลไม้มากพอสมควร โดยเฉพาะ ‘งานของดีเมืองนรา’ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 – 22 กันยายน 68 นี้ และลองกองถูกจัดเป็น 1 ใน 5 กองงานที่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ส่วนตามท้องตลาดจะมีเพียง ‘ทุเรียน’ ที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าบรรทุกแน่นท้ายกระบะ จากเบตงบ้าง จากต่างพื้นที่ที่ส่งมาขายบ้างในราคาที่ถูกลง
ย้อนไปในช่วงปีก่อนๆ ผลผลิตออกสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมากจนล้น ทำให้พ่อค้าคนกลางหลายรายเดินทางเข้าไปรับซื้อถึงในสวนของเกษตรกรในราคาถูก อ.ระแงะ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ ‘ลองกองซีโป’ ที่มีลำต้นสูงใหญ่อายุกว่า 200 ปี ตระหง่านอยู่ในสวน จนมีคำพูดที่ว่า “อยากกินลองกองที่หอมหวาน ต้องลองกองซีโปเท่านั้น”
‘ทีมข่าว’ เดินทางเข้าไปที่ ‘สวนโคกหนองนาโมเดล’ ซึ่งเป็นสวนผสม อยู่ในพื้นที่ ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่น้อยที่ขึ้นปะปนกัน นางอินทุภา ทิมเทพ เจ้าของสวน วัย 51 ปี เปิดใจว่า บนเนื้อที่ประมาณกว่า 10 ไร่ ตนเองได้ทำเป็นสวนผสม มีผลไม้อย่างทุเรียน เงาะ มังคุด ขนุน มะม่วง คละๆกัน
“ปีนี้ผลผลิตไม่ได้ตามที่หวัง จากปัญหาน้ำท่วมหนักสองปีซ้อน จนมะละกอที่ปลูกไว้เสียหายเกือบหมด รายได้ลดลงมาก สวนยางพารา แม้จะยังพอมีรายได้บ้าง แต่ราคายางถูกมาก แล้วยังมีปัญหากลิ่นและการกรีดไม่ต่อเนื่อง บางครั้งได้ผล บางครั้งก็ไม่ได้เลย ทำให้ปีนี้รายได้จากสวนยางแทบไม่เหลือ อยากให้หน่วยงามเข้ามาดูแลหน่อยค่ะ ทั้งผลผลิตที่ไม่ออกผล ราคายาง ราคาผลผลิต ช่วยมาสอบถามบ้างว่าต้องการอะไรเพิ่มเติม ช่วงนี้มะพร้าวกำลังออกดอก ป้าต้องการปุ๋ย ไม่ว่าจะเป็นขี้ไก่ ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์อะไรก็ได้ค่ะ แค่อยากให้มาดูแลเกษตรกรบ้าง”
นาย จตุรงค์ พรหมวิจิต เกษตร จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า ปีนี้เกษตรกรสวนทุเรียนในพื้นที่ จ.นราธิวาส เผชิญปัญหาหนัก เนื่องจากผลผลิตมีปริมาณลดลงอย่างมาก สาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศที่แปรปรวนกะทันหัน ประกอบกับเกษตรกรมีพื้นที่น้อย ไม่มีระบบน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ รวมถึงการจัดการธาตุอาหารที่เหมาะสมและสอดคล้องกับระบบน้ำ ก็ยังไม่ได้เตรียมการไว้
“สภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วงที่ทุเรียนกำลังออกดอกและพัฒนาดอก จึงทำให้ดอกไม่ติดผล และส่งผลต่อปริมาณผลผลิตโดยตรง ทำให้ทุเรียนทิ้งตัว ผลผลิตร่วง นี่คือปัญหาที่ต้องแก้ไขในเชิงระบบ ส่วนภาคตะวันออก ทุเรียนปีนี้ค่อนข้างไม่มีคุณภาพ การรับซื้ออยู่ภายใต้กระบวนการของจีน ที่ควบคุมประมาณ 80% แล้ว ถ้าตัดทุเรียนอ่อนไปหรือทุเรียนมีหนอน เขาก็ตีกลับมา ทำให้ผู้บริโภคในต่างประเทศไม่เชื่อมั่น เมื่อคนไม่กินก็ทำให้ราคาตก”