แท็กซี่แย่งลูกค้า ยกมือนิ้วชี้งอเป็นเหตุ เย็บ 4 เข็ม
เชียงราย-เกิดเหตุแท็กซี่แย่งลูกค้นกัน ต้องวางมวย จนแตกไป 4 เข็ม
วันที่ 23 ส.ค.2568 เวลาประมาณ 12.00 น. เกิดเหตุแท็กซี่ระหว่างรถแท็กซี่เหลือง กับรถตู้ชุมชน ให้บริเวณจุดผ่านแดนสามเหลียมทองคำ บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ชกต่อยกันริมทาง เกิดจากการแย่งลูกค้า ตัดราคากัน ทำให้ฝ่ายแพ้เย็บไป 4 เข็ม
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่า ด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสน สามเหลี่ยมทองคำ ตรงข้ามคาสิโนคิงโรมัน ซึ่งจะมีผู้โดยสารทั้งชาวต่างชาติ และชาวไทย ที่ข้ามไปเที่ยวยังคาสิโนคิงโรมัน เมื่อกลับออกมา ต้องมาหารถกลับสนามบินแม่ฟ้าหลวง ซึ่งบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง จะมีจุดบริการรถรับส่ง 2 จุด มีฝั่งตรงข้ามเป็นรถแท็กซี่ป้ายเหลือง และช่องทางเดินขาเข้า-ออก มีรถตู้บริการชุมชนบ้านสมรวก ม.1 ให้บริการ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายที่ผ่านมามีปากเสียงกันเรื่องตัดหน้ารับลูกค้า และตัดราคาแข่งกัน
ซึ่งเวลาเกิดเหตุการณ์ นายวิวัฒน์ คำดี อายุ 64 ปี เผยว่า ลูกค้าเดินออกมานายวิวัฒน์เห็น จึงโบกมือเรียก ส่งสัญญาน ตกลงราคาไปสนามบินแม่ฟ้าหลวง 700 บาท ระหว่างลูกค้าเดินออกมาต้องผ่านคิวรถตู้ของหมู่บ้าน ทางรถตู่ชุมชนก็ให้ราคา 700 บาทเหมือนกัน นายวิวัฒน์ก็ยังโบกเรียกลูกค้าคนดังกล่าว แต่ได้ทำมือนิ้วชี้งอ ทำให้ฝ่ายรถตู้ชุมชน มีนายยงยุทธ ชกต่อยกันตัวต่อตัวไปแล้ว 1 รอบ จากนั้นมายืนหน้ารถแท็กซี่ได้มีนายเอกภพ เข้ามาชกต่อยจนได้แผลแตกบริเวณหน้าผาก เย็บไป 4 เข็ม ซึ่งได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ที่สภ.เชียงแสน ซึ่งตนเองยอมรับเหตุการณ์ที่มีปากเสียงกันแต่ละครั้งของทั้ง 2 ฝ่าย เกิดจาแย่งลูกค้ากัน
ด้านนายสมรัตน์ โกฏยี่ (หัวหน้าคิว) อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน เผยว่า ที่บริเวณจอดรถร่วม เป็นสถานที่ของชุมชนบ้านสบรวก ม.1 ยอมรับว่ารถมีมีมาร่วมจำนวนหลายคัน ซึ่งตามที่กล่าวอ้างว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ตามที่มีการกล่าวอ้างมาไม่จริง ซึ่งยอมรับว่าก่อนหน้า นายวิวัฒน์ ยังเคยมาท้าต่อยกับตนเอง ซึ่งพยายามคุยราคาให้ทั้ง 2 ฝ่ายใกล้เคียงกัน ซึ่งได้อ้างว่ารถตู้ชุมชนคิดราคาแพง แต่มันไม่ใช้ความจริง ซึ่งรถมันคนละแบบ ทางชุมชนเป็นรถ 7 ที่นั้น ราคา 1000 -1500 บาท ไม่ได้เป็นรถแท็กซี่ที่นั่งได้ 4-5 คน ราคา 700-800 บาท ซึ่งอ้างว่าเกิดจากการท้าทายกัน
ซึ่งทางนายนายสมรัตน์ โกฏยี่ (หัวหน้าคิว) ผู้ใหญ่บ้านสบรวก ม.1 ตนเองอยากให้มาคุยกัน ทำข้อตกลงกัน ไม่อยากให้มีปากเสียงกันในฐานะผู้นำชุมชน และต้องให้เกียรติชุมชนด้วย ซึ่งเคยมีปัญหาแบบนี้หลายครั้งแต่ตนเองก็ได้ห้ามไว้ ไม่ส่งเสริมความรุนแรง ซึ่งวันนี้ยอมรับว่าเกิดจากเหลือทน จนเกิดเหตุ ซึ่งก่อนหน้าเคยจัดสรรให้สลับคันกันออก แต่ไม่เป็นผลก็กลับมาเหมือนเดิม มีปากเสียงแย่งลูกค้าเหมือนเดิม