หมดยุคทอง ‘Temu-Shein’ สหรัฐยกเลิก de minimis ฉุดยอดขาย-ยอดโหลดร่วง!
สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันกำลังลดการซื้อสินค้าและใช้เวลาบนแพลตฟอร์ม “อีคอมเมิร์ซจีน” อย่าง Temu และ Shein น้อยลง เนื่องจากนโยบายลดหย่อนภาษีสำหรับสินค้ามูลค่าต่ำกำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 29 ส.ค.นี้
ทั้ง 2 แพลตฟอร์มได้รับผลกระทบอย่างมากหลังจากการยกเลิกมาตรการที่เรียกว่า "de minimis" ในเดือนพ.ค. ซึ่งเดิมเคยให้สิทธิ์ยกเว้นภาษีสำหรับพัสดุมูลค่า 800 ดอลลาร์หรือน้อยกว่าจากจีน ทำให้จำนวนธุรกรรม การดาวน์โหลดแอป และการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงอย่างชัดเจน
ทำเนียบขาวภายใต้การนำของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ระบุว่า มาตรการยกเว้นภาษี "de minimis" ก่อให้เกิดช่องโหว่ที่ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร และยังเปิดโอกาสให้มีการขนส่งสารผิดกฎหมายเข้าประเทศ ซึ่ง Shein และ Temu ได้ใช้ประโยชน์จากช่องทางนี้ จึงได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยกเลิกการยกเว้นภาษีสำหรับพัสดุเชิงพาณิชย์ทั้งหมดภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
หลังจากที่มาตรการนี้ถูกยกเลิกไปในเดือนพ.ค. ทั้งสองแพลตฟอร์มจึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคา ทำให้ช่องว่างราคากับคู่แข่งอย่าง Amazon และ Walmart ที่มีคลังสินค้าและเครือข่ายขนส่งในประเทศลดน้อยลง ซึ่งเป็นผลดีต่อคู่แข่งในสหรัฐ เนื่องจากสามารถแข่งขันในเรื่องราคาได้สูสีมากขึ้น
Sky Canaves นักวิเคราะห์หลักของ eMarketer มองว่า "ภาษีศุลกากรกำลังส่งผลกระทบต่อทุกคน ดังนั้นผู้ขายสินค้าราคาถูกรายอื่นที่อยู่บน Amazon ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันเดียวกัน"
ยอดขาย-ยอดดาวน์โหลดร่วง
จากข้อมูลของ Consumer Edge ซึ่งเป็นกลุ่มวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคพบว่า ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Temu และ Shein มีจำนวนธุรกรรมการขายลดลงจากปีก่อน โดย Temu ลดลง 28% และ Shein ลดลง 14%
และเมื่อพิจารณาในแง่ของยอดใช้จ่าย Temu ซึ่งมีบริษัทแม่คือ PDD Holdings พบว่ายอดใช้จ่ายลดลง 30% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ Shein กลับมียอดใช้จ่ายเติบโตขึ้น 8% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับขึ้นราคาสินค้า
ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ตลาด Sensor Tower เผยว่ายอดดาวน์โหลดของ Temu และ Shein ในสหรัฐในเดือนก.ค.ลดลงถึง 65% และ 25% ตามลำดับ
นอกจากนี้ เวลาใช้งานแอปของผู้ใช้ก็ลดลงในอัตราเลขสองหลักเช่นกัน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากที่ทั้งสองบริษัทลดงบโฆษณาลงอย่างมาก โดยเฉพาะ Temu ที่ลดงบโฆษณาลงถึง 90% ทำให้ตำแหน่งบริษัทที่โปรโมทโฆษณาร่วงลงกว่า 150 อันดับ จากที่เคยเป็นอันดับ 7 ในปีก่อนหน้า
จากข้อมูลของ Sky Canaves นักวิเคราะห์จาก eMarketer ทั้งสองบริษัทได้เริ่มเบนเข็มงบประมาณโฆษณาไปที่ตลาดอื่น ๆ อย่างยุโรปและญี่ปุ่น เพื่อขยายฐานผู้ใช้ในภูมิภาคใหม่ แทนที่จะทุ่มงบทั้งหมดในสหรัฐ เหมือนที่ผ่านมา
de minimis ปิดทาง ‘Temu-Shein’
ในสภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว Temu และ Shein จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์โดยหันมาให้ความสำคัญกับการ "กระตุ้น" กลุ่มลูกค้าเดิมในสหรัฐ ให้กลับมาใช้งานแอปพลิเคชันอย่างสม่ำเสมอ แทนที่จะมุ่งเป้าไปที่การหาลูกค้าใหม่เพียงอย่างเดียว
Michael Gunther หัวหน้าฝ่ายข้อมูลเชิงลึกของ Consumer Edge กล่าวว่า การยกเลิกมาตรการ "de minimis" ถือเป็น "ภัยคุกคามโดยตรงต่อรูปแบบธุรกิจของพวกเขา" ส่งผลให้ทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มที่จะลดความหลากหลายของสินค้าลง เนื่องจากกำลังทดลองใช้บริการจัดส่งแบบท้องถิ่นในสหรัฐ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากเดิมที่พึ่งพาการจัดส่งโดยตรงจากต่างประเทศเป็นหลัก
ทั้งนี้ Temu และ Shein ไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากการยกเลิกมาตรการ "de minimis" ซึ่งเคยเป็นหัวใจสำคัญของโมเดลธุรกิจของทั้งสองบริษัท ทำให้ราคาของสินค้าเพิ่มขึ้นและส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวอเมริกันที่เคยชินกับราคาที่ถูกเป็นพิเศษ