โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

ดีอี เตือนข่าวปลอม “แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับการเลื่อนยศขึ้นเป็น “พลเอก” ขอปชช.อย่าหลงเชื่อ

TOP NEWS ONLINE

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • TOP NEWS

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับการเลื่อนยศขึ้นเป็น “พลเอก”” รองลงมาคือเรื่อง “กัมพูชาใช้รถตักดินรื้อถอนหลักเขตแดนไทย” โดยขอให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสนตื่นตระหนก และวิตกกังวลในสังคม โดยขอให้เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 15 – 21 สิงหาคม 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 887,665 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 978 ข้อความ สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 922 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 36 ข้อความ ช่องทาง Website จำนวน 9 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 11 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 203 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 106 เรื่อง ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 137 เรื่อง กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 12 เรื่อง กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 7 เรื่อง กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 3 เรื่อง กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 45 เรื่อง นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ส่วนใหญ่เป็นข่าวเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศไทย และกัมพูชา นอกจากนี้ยังพบข่าวที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สุขภาพและข่าวภัยพิบัติ รวมอยู่ด้วย ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน ตื่นตระหนก และวิตกกังวลได้ โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ อันดับที่ 1 : เรื่อง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับการเลื่อนยศขึ้นเป็น “พลเอก” อันดับที่ 2 : เรื่อง กัมพูชาใช้รถตักดินรื้อถอนหลักเขตแดนไทย อันดับที่ 3 : เรื่อง วันที่ 20 ส.ค. 68 เวลา 20:50 น. กัมพูชายิงปืนใหญ่ใส่ฐานปราสาทตาควาย อันดับที่ 4 : เรื่อง จีนส่งเครื่องบินรบ J-10C มอบให้ไทย 10 ลำ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ อันดับที่ 5 : เรื่อง แม่ทัพภาค 2 สั่งรื้อบ้านเรือนชาวกัมพูชา 80 หลังคาเรือน ที่ช่องอานม้า อันดับที่ 6 : เรื่อง ผลิตภัณฑ์ Vistorin Dietary Supplement Product รักษาต้อกระจก ต้อหิน ต้อเนื้อ ไม่ต้องผ่าตัด เพียงวันละ 1 เม็ด เห็นผลเร็วใน 5-7 วัน อันดับที่ 7 : เรื่อง ทหารกัมพูชารื้อถอนลวดหนามในเขตแดนไทย อันดับที่ 8 : เรื่อง กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว เปิดเผยข้อมูล ไทยเจอศูนย์กลางสั่นไหวอีกครั้ง เป็นอีกหนึ่งสัญญาณควรเฝ้าระวัง อันดับที่ 9 : เรื่อง iTera-Bio Lite ใช้ตรวจแม่เหล็กไฟฟ้าภายในร่างกาย ช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้ อันดับที่ 10 : เรื่อง กองสลากฯ แจกเลขล็อกสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 16 ส.ค. 68 สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับการเลื่อนยศขึ้นเป็น “พลเอก”” กระทรวงดีอี ได้ร่วมกับกองทัพภาคที่ 2 กองทัพบก ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า ตามที่ได้ปรากฏข้อมูลข่าวสารที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นความจริง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ขอชี้แจงว่า ขั้นตอนการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล จะต้องดำเนินการโดยกระบวนการทางราชการตามลำดับ ดังนี้ 1. คณะกรรมการกลาโหมเป็นผู้พิจารณาและดำเนินการเสนอรายชื่อ 2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมลงนามรับรองตามระเบียบราชการ 3. ทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ 4. การโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจะมีผลสมบูรณ์เมื่อมีประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เท่านั้น ดังนั้น ข้อมูลที่มีการเผยแพร่ในช่องทางต่าง ๆ ที่อ้างถึงการโปรดเกล้าฯ โดยไม่มีประกาศราชกิจจานุเบกษารับรอง จึงถือว่าเป็นข่าวเท็จ ไม่ควรเผยแพร่หรือส่งต่อ เพราะอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่สังคมได้ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกท่าน งดเว้นการเผยแพร่หรือแชร์ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง พร้อมทั้งขอให้ติดตามข้อมูลจากแหล่งข่าวราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ในการรับทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้องต่อไป ด้านข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง “กัมพูชาใช้รถตักดินรื้อถอนหลักเขตแดนไทย” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับ กองทัพบก ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า กรณีที่มีคลิปวิดีโอปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ในลักษณะการใช้รถตักดินทำการรื้อถอนหลักคอนกรีตที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า เป็นหลักเขตแดนไทย-กัมพูชานั้น กองทัพบกได้ตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยทหารในพื้นที่แล้ว พบว่า ภาพหลักคอนกรีตที่ปรากฏในคลิปวีดีโอนั้นไม่ใช่หลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่สร้างโดยคณะกรรมการปักปัน เขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1919-1920 (พ.ศ. 2462-2463)สำหรับขนาดและรูปร่างของหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา จะต้องมีความกว้าง 40 ซม. ยาว 40 ซม. สูงเหนือพื้นดิน 1 เมตร และส่วนที่ฝังลงไปในดิน มีฐานรากอีกประมาณ 80 ซม. มีการสลักข้อความ 3 ภาษา คือ ด้านที่หันเข้าหาฝั่งไทย จะเขียนว่า กรุงสยามอยู่บรรทัดบน ภาษาฝรั่งเศสอยู่ตรงกลาง และภาษาเขมรอยู่บรรทัดล่าง ด้านที่หันเข้าหาประเทศกัมพูชา จะเขียนบรรทัดบนเป็นภาษาเขมร บรรทัดกลางเป็นภาษาฝรั่งเศส และบรรทัดล่างเป็น ภาษาไทย เขียนว่า กรุงกัมพูชา ส่วนด้านข้างของตัวหลักทั้ง 2 ข้าง ก็เขียนไว้ 3 ภาษา เช่นเดียวกัน โดย ภาษาไทยเขียนไว้ว่า แดนต่อแดน และด้านบนหลักเขตจะมีหมายเลขหลักเขตกำกับไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ ขอให้ติดตามข่าวสารจากข้อมูลในช่องทางอย่างเป็นทางการเท่านั้น เช่น เพจ “ทีมโฆษกกองทัพบก”, เพจ“กองทัพบก” และเพจ “กองทัพภาคที่ 2” ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงต่อสถานการณ์ในพื้นที่ ซึ่งสามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้อง และทันเวลา อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทันส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เกิดความวิตกกังวล หรืออาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด หากประชาชน พบข่าวน่าสงสัย ข้อมูลบิดเบือน สามารถแจ้งเบาะแส และตรวจสอบข่าวปลอมได้ที่ โทรสายด่วน 1111 ต่อ 87 (24 ชม.) หรือที่ | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com | Line ID: @antifakenewscenter | Facebook : Anti-Fake News Center Thailand | X : @AFNCThailand | TikTok : @antifakenewscenter | IG : afnc_thailand/

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TOP NEWS ONLINE

"บิ๊กปู" ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการ "ภูมะเขือ" ย้ำกำลังพล ปฏิบัติงานเต็มความสามารถ ตั้งอยู่บนความปลอดภัย

39 นาทีที่แล้ว

"พงศ์กวิน" ชี้แจงตรวจสุขภาพแรงงานต่างชาติ ย้ำต้องโปร่งใส–ตรวจสอบได้

48 นาทีที่แล้ว

"สื่อ BBC" แพร่บทความ แฉเขมร ใช้นักรบโซเชียล ปั่นข้อมูลเท็จใส่ร้ายไทย

56 นาทีที่แล้ว

"สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคฯ" มอบรางวัลนักข่าวน้ำดี "อุดร แสงอรุณ" สถานีข่าวท็อปนิวส์

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่น ๆ

กรมอุตุฯ ประกาศเตือน ฉบับที่ 4 พายุโซนร้อน "คาจิกิ" แนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้น

สวพ.FM91

ลูกค้าโวย ออกรถใหม่วันเดียวเสีย ด้านร้านปฏิเสธรับเคลม อ้างลูกค้านั้นแหละผิด

สยามนิวส์

"บิ๊กปู" ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการ "ภูมะเขือ" ย้ำกำลังพล ปฏิบัติงานเต็มความสามารถ ตั้งอยู่บนความปลอดภัย

TOP NEWS ONLINE

หนุ่มคอยแฟนเลิก 6 ทุ่ม งานคาราโอเกะยัน 9 โมงเช้าไม่ออกมา ตร. บุกค้นร้านสะดุ้งเฮือก

สยามนิวส์

ดร.รัชดา โพสต์แรง นายกฯ ถ้าได้เป็นต่อ เดินไปไหนก็อาย

สยามนิวส์

มธ.-รพ.สัตว์ทองหล่อ เปิดคลินิกรักษาสัตว์เลี้ยง

ประชาชาติธุรกิจ

"พงศ์กวิน" ชี้แจงตรวจสุขภาพแรงงานต่างชาติ ย้ำต้องโปร่งใส–ตรวจสอบได้

TOP NEWS ONLINE

"ฝูงห่านฝึกงาน"คูเมืองเชียงใหม่ นนท.แห่ชมความน่ารัก

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...