"รมช.สธ." นำทีมลุยตรวจ รพ.เอกชน ออกใบตรวจโรคต่างด้าวปลอม ชี้ยังมีอีกเพียบ!
วันที่ 21 สิงหาคม 2568 นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขและคณะ ลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี โรงพยาบาล W medical เปิดให้บริการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวพร้อมออกใบอนุญาตตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว เพื่อเป็นเอกสารหลักฐานในการยื่นขออนุญาตทำงานในประเทศไทยต่อกรมการจัดหางาน โดยทางหัวหน้าส่วนราชการระดับสูงของจังหวัดสมุทรสาคร นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายแพทย์ประกิต สาระเทพ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร นายวันชัย สาครมณีรัตน์ จัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร และ ร้อยตรีประพันธ์ ถึกสกุล นายอำเภอเมืองสมุทรสาคร ร่วมตรวจสอบ ขณะที่ทางด้านของโรงพยาบาล W medical มีนางสาวจีรนุช ธรรมโหร กรรมการผู้อำนวยการให้การต้อนรับ และชี้แจงข้อมูลในส่วนที่เป็นประเด็นปัญหาจนนำมาสู่การตรวจสอบในครั้งนี้
นายชัยชนะ เดชเดโช ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบถามข้อมูลจากทางผู้บริหารโรงพยาบาลฯ นานกว่า 1 ชั่วโมงว่า จากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับเรื่องร้องเรียนสำหรับโรงพยาบาลเอกชนที่ตรวจสุขภาพให้กับแรงงานต่างด้าวทั้ง 4 สัญชาติ และไม่เป็นไปตามข้อกฎหมายที่ประกาศกระทรวงกำหนดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งทางกระทรวงฯ ได้ทราบข้อมูลว่า โรงพยาบาลแห่งนี้ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร ได้มีการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบข้อกฎหมาย และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว ก็ได้พบว่าทางโรงพยาบาลแห่งนี้ได้ขอขึ้นทะเบียนกับกรมจัดหางานในการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว แต่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นสถานพยาบาลจากกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากว่าอยู่ในขั้นตอนยื่นขออนุญาตการสร้างและห้องเอ็กซเรย์ ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาลมาตรา 35 (4) มีโทษจำคุก 1 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งการกระทำแบบนี้ ทางสถานพยาบาลทราบดีอยู่ว่าไม่สามารถตรวจได้นับตั้งแต่เดือนมกราคมเรื่อยมาจนถึงเดือนกรกฎาคม ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ได้รายงานว่า มีการแรงงานต่างด้าวไปจำนวน 13,121 คน เพราะฉะนั้นใบตรวจสุขภาพ แรงงานต่างด้าวทั้ง 13,121 คน ถือว่าผิดกฎหมาย ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ในการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าว นอกจากนี้ บริษัทจัดหางานหรือนายจ้างของแรงงานต่างด้าว 13,121 คน กระทรวงสาธารณสุขก็จะส่งไปให้กรมจัดงานตรวจสอบว่า มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ ในการดำเนินการครั้งนี้ ซึ่งการร้องเรียนแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่กระทรวงสาธารณสุขจะเดินหน้าเอาจริงเอาจัง เราจะทำครั้งนี้ “คิ๊กออฟ” ที่นี่แล้วก็จะเดินหน้าตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
นายชัยชนะ กล่าวอีกว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ สามารถตรวจบุคคลประชาชนชาวไทยได้จริง แต่ไม่สามารถตรวจสุขภาพแรงงานต่างต่างด้าวได้ เพราะเนื่องจากยังไม่ได้ไบรับรองสถานพยาบาลจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนในการที่จะให้ใบรับรองก็ต้องตั้งห้องแล็บและห้องเอ็กซเรย์ให้เรียบร้อย แล้วก็ต้องขออนุญาตจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หลังจากนั้น กรมส่งเสริมบริการก็ต้องออกอนุญาตใบรับรองสถานพยาบาลให้ ขณะที่สถานพยาบาลแห่งนี้พบว่า ห้องแล็บสร้างเสร็จแล้ว แต่เขาอยู่ในขั้นตอนยื่นขออนุญาตมาตรวจว่าถูกต้องตามกฎหมายที่กระทรวงประกาศไว้หรือไม่ อีกทั้งยังจะต้องมีการตรวจสอบด้วยว่า การที่ทางโรงพยาบาลคิดค่าตรวจในแรงงานต่างด้าวคนละ 500 บาท แต่ไม่รู้ว่าทางบริษัทจัดหางานคิดเกินหรือไม่ ซึ่งทางจัดหางานจังหวัดก็ต้องลงไปตรวจสอบอีกว่า แท้จริงแล้วแรงงานต่างด้าวเสียค่าตรวจสุขภาพเกินราคาหรือไม่
"แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่แรกในประเทศไทย ยังมีอีกเดี๋ยวติดตามกันไปในสัปดาห์หน้า เพราะฉะนั้นจึงขอย้ำว่า ทั้งโรงพยาบาลเอกชน ทั้งบริษัทจัดหางาน ทั้งแรงงาน ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ถ้ามีใครอยู่เหนือกฎหมาย แล้วจะมีกฎหมายไว้ทำไม สิ่งที่บอกว่ามี 3-4 แห่ง จริง ๆ มีเยอะกว่านั้น 75 แห่ง มีอยู่ 41 แห่งที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการตรวจสุขภาพแรงานต่างด้าวได้แล้ว ส่วนที่เหลือก็ต้องถูกตรวจสอบกันไปว่ามีการกระทำผิดใดหรือไม่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผิดอยู่เราจะลงพื้นที่อย่างเข้มงวด และต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด" นายชัยชนะ กล่าวและว่า
ฝากไปถึงโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่ง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล และพื้นที่ที่มีนิคมอุตสาหกรรม หยุดการกระทำเหล่านี้ซะ เพราะปัญหามันไม่จบแค่นี้แน่นนอน อย่างที่นี่ตรวจไปแล้ว 13,121 คน ต้องเพิกถอนไปทั้งหมดและต้องไปตรวจใหม่อีกทั้งหมด เพราะฉะนั้นอย่าคิดแค่กำไร เพื่อมีความรวยในแต่ละวัน คิดถึงประโยชน์ของประเทศชาคิเยอะๆ ส่วนผู้ที่จะมารับไม้ต่อไปคือ กรมจัดหางาน เมื่อทราบเรื่องแล้วก็ต้องเข้ามาทำให้ถูกต้อง ส่วนคราวหน้าจะไปที่ไหนอีกก็จะเรียนบอกสื่อมวลชนอยู่แล้ว เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ต้องเปิดเผย และอีกอย่างหนึ่งอยากฝากถึงข้าราชการที่เกษียณไปแล้วอยู่กระทรวงแรงงาน อย่าใช้ช่องความได้เปรียบ เอาเปรียบจัดหางานคนอื่น ทั้งแบบที่มีหุ้นส่วนสถานพยาบาล หรือ แอบมีหุ้นส่วนกับบริษัทจัดหางานฯ นั้น เราทราบแล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ บอกได้เพียงเป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับ 10 เท่านั้น ส่วนมูลค่าตัวเลขที่เกิดขึ้นนั้น ถ้าคิดง่ายๆ เฉพาะที่นี่ คือ ค่าตรวจคนละ 500 บาท ตรวจไปแล้วจำนวน 13,121 คน เป็นเงินเท่าไหร่ และถ้าสมมุติบริษัทจัดหางานไปเก็บคนละ 1,000 บาท จะเป็นเงินกว่า 13 ล้านบาท นี่คือความเสียหายเกิดขึ้น และความเสียที่เกิดขึ้นมาอีกคือ แรงงานทั้ง 13,121 คน ที่ไปประกอบอาชีพแล้วก็ยังถือเป็นแรงงานผิดกฎหมาย ดังนั้นสิ่งที่ทั้งแรงงานสูญเสีย และนายจ้างสูญเสีย คิดรวมเป็นมูลค่าที่มากขนาดไหน
ด้านนางสาวจีรนุช ธรรมโหร กรรมการผู้อำนวยการ W medical ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก รับผู้ป่วย OPD จำนวน 5 เตียง เปิดเผยด้วยว่า ทางโรงพยาบาลเปิดดำเนินการมาเป็นเวลา 11 ปีแล้ว แต่เดิมสามารถใช้ผลแล็ปจากข้างนอกได้ แต่ต่อมาภายหลังจากที่มีการประกาศระเบียบใหม่ ซึ่งต้องมีทั้งห้องแล็ป และห้องเอ็กซเรย์ ทางโรงพยาบาลก็ได้ดำเนินการจัดสร้างและยื่นขออนุญาตทุกหน่วยงานตามขั้นตอนทุกอย่าง จากทั้งหมด 11 ขั้นตอน เราเหลืออีกเพียงแค่ 1 ขั้นตอนเท่านั้นคือ การขออนุญาตจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งในส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นกับแรงงานต่างด้าวนั้น เรายินดีรับผิดชอบในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมด และพร้อมที่จะดำเนินการทุกอย่างตามที่กฎหมาย หรือกฎระเบียบของทั้งกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงแรงงานกำหนด
สำหรับโรงพยาบาล W medical ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลบางน้ำจืด อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร เป็นสถานพยาบาลประเภทรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน จำนวน 5 เตียง ตั้งแต่ ปี 2565 โดยได้รับการตรวจมาตรฐานสถานบริการทุกปี ซึ่งโรงพยาบาล W medical ได้ยื่นขอเป็นสถานพยาบาลเอกชนตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวกับกรมจัดหางานแล้ว แต่ไม่ได้ยื่นขอรับรองมาตรฐานสถานพยาบาลเอกชนเพื่อให้บริการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวเพิ่มเติมกับกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้นจึงมีประเด็นความผิดที่คาด ตาม พรบ.สถานพยาบาล ได้แก่ 1) ไม่ยื่นคำขอบริการเพิ่มเติมบริการตรวจสุขภาพต่างด้าว , 2) ไม่จัดให้มีมาตรฐานตามที่กำหนด และ 3) จัดทำเอกสารผลการรักษา หรือใบรับรองแพทย์เป็นเท็จ