24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2568
24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2568
>> ตำรวจไซเบอร์จับเวียดนามเทายกแก๊งคาห้างดัง หลังรวมหัวคนไทยทำธุรกิจบัญชีม้าครบวงจร รวบผู้ต้องหา 10 ราย พยายามเผ่นหนีทิ้งกระเป๋าเงินสด 4 แสนกลางถนน
09.30 น. สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่า มีกลุ่มคนชาวเวียดนามกลุ่มใหญ่ มีพฤติกรรมจ้างคนไทยให้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้ในการรับโอนเงิน โดยมักติดต่อกับนายหน้าคนไทยเพื่อให้จัดหาบัญชีม้ามารับโอนเงินแล้วจะให้รีบถอนเงินสดออกจากบัญชีผ่านหน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร หรือกดเงินสดออกจากตู้ ATM แล้วค่อยนำเงินสดมาให้กลุ่มชาวเวียดนาม โดยจะมีการจัดคนเฝ้าติดตามคอยควบคุมกำกับอีกชั้นหนึ่ง โดยทั้งนายหน้าและบัญชีม้า มีค่าตอบแทนให้คนละ 3,000-5,000 บาท
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า ชาวเวียดนามจำนวนหลายคนได้นัดหมายกับนายหน้าจัดหาบัญชีม้า เพื่อให้พาเจ้าของบัญชีม้ามาพบกันที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว แขวงจตุจัตร เขตจตุจักร กทม. โดยนัดพบกันที่ศูนย์อาหารชั้นใต้ดิน (ชั้น G) ของห้างดังกล่าว
ขณะกลุ่มผู้ต้องการกำลังดำเนินการกดเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น แต่ปรากฏว่ามีชายชาวเวียดนามรายหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมเงินสด ได้วิ่งหลบหนีออกไปแต่ถูกเจ้าหน้าที่ไล่ติดตาม จนสามารถควบคุมตัวไว้ได้ เป็นชาย สัญชาติเวียดนาม ตรวจค้นในกระเป๋าสีดำใบดังกล่าว พบว่ามีเงินสด จำนวน 400,000 บาท ส่วนบุคคลที่ยังอยู่ในห้างสรรพสินค้าอีก จำนวน 9 คน พบเป็นชาวเวียดนาม จำนวน 5 คน นายหน้าจัดหาบัญชีม้าชาวไทย 2 คน และเจ้าของบัญชีม้า อีกจำนวน 2 คน รวมควบคุมตัวไว้ได้จำนวน 10 คน ควบคุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> อบจ.สระแก้ว ยกเว้นค่าเช่าตลาดโรงเกลือ เยียวยาพิษเศรษฐกิจชายแดน
12.00 น. องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว (อบจ.สระแก้ว) ได้ออกประกาศเรื่องการยกเว้นค่าเช่าหรือประโยชน์ตอบแทนอื่นที่ได้จากอสังหาริมทรัพย์ของ อบจ.สระแก้ว เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้เช่าอาคารร้านค้าในตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ หลังจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางและเศรษฐกิจ ทำให้ผู้เช่าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้ตามปกติ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
สำหรับพื้นที่ของ อบจ.สระแก้ว ในตลาดโรงเกลือ มีขนาดประมาณ 66-67 ไร่ ประกอบด้วยอาคารร้านค้าเกือบ 1,700 ห้อง ซึ่งส่วนใหญ่มีสัญญาเช่ากับคนไทย และมีการเช่าช่วงต่อให้กับพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ โดยมีทั้งผู้ที่พักอาศัยและเดินทางไป-กลับระหว่างประเทศ การประกาศยกเว้นค่าเช่าในครั้งนี้ จึงเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวโดยตรง
>> ดีเอสไอส่งหมายเรียกพยาน 1,200 ผู้สมัคร สว. ทั่วประเทศ ปมโหวตเตอร์-กลุ่มพลีชีพ
13.00 น. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีคดีพิเศษที่ 24/2568 การสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ฯ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ซึ่งเป็นความคืบหน้าของการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.68 จนถึงปัจจุบัน
โดยที่ผ่านมาได้มีการสอบพยานที่เกี่ยวข้องไปทั้งสิ้น 90 ปาก มีการจัดทำเหตุการณ์จำลองทั้งสถานที่ใช้ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และกระบวนการคัดเลือกพร้อมขอรับภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุจากหลายหน่วยงาน มีการตรวจสอบร่องรอยทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงกัน 1,200 คน
ทั้งนี้ เพื่อพิสูจน์ทราบความสัมพันธ์ของกลุ่มขบวนการได้มีการตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ จากข้อมูลการสืบสวนพบว่ามีผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภาเกี่ยวข้องในพื้นที่ 45 จังหวัด เป็นเหตุให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมออกหมายเรียกผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาอีก 1,200 ราย เพื่อเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในฐานะพยาน และเนื่องด้วยทางคดีมีพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก อธิบดีฯ จึงได้มอบหน่วยงานภายในสังกัดรวม 10 กองคดีที่เป็นคณะพนักงานสอบสวน เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ
โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. เปิดเผยว่า สำหรับหมายเรียกพยาน จำนวน 1,200 ราย ที่คณะพนักงานสอบสวนได้ออกไปนั้น ส่วนใหญ่คือกลุ่มคนที่มีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องในขบวนการเพื่อเป็นโหวตเตอร์ หรือกลุ่มพลีชีพ โดยมีปรากฏตั้งแต่ระดับการเลือก สว. ในระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ เพื่อโหวตเลือกบุคคลที่สมัครสมาชิก สว. ตามโพย โดยไม่เลือกตัวเอง ทั้งนี้พนักงานสอบสวนจะมีการติดตามสอบถามต่อเนื่องควบคู่ไปกับการสอบสวนพยานกลุ่มต่าง ๆ ตามที่มีข้อมูลปรากฏ เพื่อให้มีความรอบคอบ รัดกุม เป็นธรรม
>> ยึดยาไอซ์ 900 กิโล มูลค่า 135 ล้าน พร้อมขยายผลยึดทรัพย์ 20 ล้านบาท
14.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ร่วมแถลงผลการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการยึดของกลางไอซ์ 900 กก. และอายัดทรัพย์สินมูลค่า 20 ล้านบาท
ปฏิบัติการนี้เริ่มต้นจากการสืบสวนเชิงลึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส นานกว่า 2 เดือน เจ้าหน้าที่พบรถกระบะต้องสงสัยซึ่งขับโดย นายจิ (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี ตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนในกระสอบ 30 กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ 900 กิโลกรัม มูลค่าสูงถึง 135 ล้านบาท นอกจากนี้ยังยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องในคดีอีกมูลค่ากว่า 800,000 บาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับ ป.ป.ส.ภาค 9 และดีเอสไอ สนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 5 แห่งใน อ.สุไหงโก-ลก เพื่อดำเนินการตามมาตรการต่อทรัพย์สิน โดยสามารถยึดทรัพย์สิน รวมมูลค่าประมาณ 20,000,000 บาท จากนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการขยายผลเพิ่มเติมต่อไป
>> เพลิงไหม้รถหรูคาอู่ซ่อม ย่านกรุงเทพกรีฑา
15.15 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ดับเพลิง 199 รับจากจากสายด่วน 199 เกิดเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ภายในอู่ซ่อมรถ ซอยกรุงเทพกรีฑา 20 ถนนกรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยหัวหมากเดินทางไปที่เกิดเหตุ
โดยจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ ยี่ห้อปอร์เช่ เกิดเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งคัน เจ้าหน้าที่ใช้น้ำในการดับเพลิงสงบ ใช้เวลาในการดับเพลิงประมาณ 15 นาที ส่วนรายละเอียด ความเสียหาย และสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ อยู่ระหว่างตรวจสอบ ซึ่งที่เกิดเหตุไม่มีผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด
>> บุกจับผู้ต้องหาลอบต้มกระท่อมผสมยาแก้ไอขายวัยรุ่น
17.06 น. นายคณินทร์ ผมงาม ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง และ พ.ต.ท.สง่า อินทร์สาธร สารวัตรใหญ่ สภ.หนองบ่อ ได้เข้าตรวจค้นและปิดล้อมบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่บ้านดินดำ หมู่ 7 ต.หนองบ่อ หลังสืบทราบว่ามีการลักลอบต้มน้ำกระท่อมผสมยาแก้ไอ เพื่อจำหน่ายให้กลุ่มวัยรุ่นและผู้ใช้แรงงาน
จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม ชายอายุ 26 ปี ได้พร้อมของกลางจำนวนมาก ได้แก่ น้ำต้มกระท่อมพร้อมจำหน่ายหลายสิบขวด, ยาน้ำแก้ไอ 32 ขวด, ยาแก้ไอชนิดเม็ด และอุปกรณ์ที่ใช้ในการต้มน้ำกระท่อม รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า 3 เครื่อง
สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เรียนรู้วิธีการต้มน้ำกระท่อมจากยูทูบ ก่อนนำมาทดลองผสมกับน้ำหวานและยาแก้ไอ แล้วนำไปจำหน่ายในราคาขวดละ 80-90 บาท มีรายได้เฉลี่ยวันละ 700-1,000 บาท โดยไม่คาดคิดว่ากลิ่นน้ำกระท่อมที่ต้มจะทำให้เจ้าหน้าที่สืบทราบจนนำมาสู่การจับกุม เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
>> เตรียมเรียกสอบคนขับเก๋งทั้ง 10 คัน หลังชนรวดบนทางด่วนหากพบซิ่งแข่งรถอาจถูกริบ
18.00 น. จากกรณีอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันจำนวน 10 คันได้รับความเสียหาย บนทางด่วนอุดรรัถยา ฝั่งขาออก มุ่งหน้าบางประอิน ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 16 ส.ค. 68
ความคืบหน้า บริเวณเก็บรักษารถของกลาง สภ. ปากเกร็ด ซอยพระแม่การุณย์ 35 ต. บ้านใหม่ อ. ปากเกร็ด จ. นนทบุรี พนักงานสอบสวนได้ส่งรถ ที่เกิดอุบัติเหตุทั้ง 10 คัน มาเก็บรักษาไว้ เพื่อรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบร่องรอยการเฉี่ยวชน
ส่วนทางด้านผู้ขับขี่รถทั้ง 10 คัน ได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ. ปากเกร็ด เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างรอพนักงานสอบสวนเรียกสอบปากคำภายหลัง เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างประสานเจ้าหน้าที่การทางพิเศษ เพื่อขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด จากบริเวณด่านเก็บเงินประชาชื่น จนถึงจุดเกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุการ เฉี่ยวชนในครั้งนี้ ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิด หรือมีการแข่งขันรถในทาง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อยื่นฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> "มาริษ" นำคณะทูตอาเซียนลงพื้นที่ปะทะที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ร่วมสังเกตการณ์ภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิด
19.30 น. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงต่อคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน และรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ รวมถึงสื่อต่างชาติ ภายหลังการบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า กระทรวงต่างประเทศต้องการให้ผู้แทนจากต่างชาติ เห็นถึงปัญหาเรื่องของทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือนได้ เกิดขึ้น 5 ครั้ง จนมีทหารเสียขา เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎบัตรสหประชาชาติ และผิดหลักการอนุสัญญาออตโตวา ซึ่งเชื่อว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ จะทำให้ทุกคนมีความเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้น
นายมาริษ กล่าวว่า ปัญหาทุ่นระเบิดเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยสงครามเย็นแล้ว และได้ขอให้กัมพูชาร่วมกันช่วยกู้ และทุกฝ่ายต้องทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งคงจะต้องมีการพิจารณาโครงการกู้ทุ่นระเบิดใหม่ เนื่องจากตนทราบว่า มีหลายประเทศในภาคี ให้ความช่วยเหลือบริจาคเงินโครงการดังกล่าวให้แก่ทางกัมพูชา แต่เนื่องจากทุ่นระเบิดที่ฝังใหม่ เป็นการฝังในดินแดนไทย ถือเป็นการละเมิดพื้นที่และกฎหมายสากล
นายมาริษ กล่าวว่า ตนเองมองว่าถึงเวลาที่จะต้องทบทวนการให้ความช่วยเหลือกัมพูชา เพราะถือว่าไม่ให้ความร่วมมือในวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค และอยากให้ทางกัมพูชาเคารพข้อตกลงตามกฎบัตรอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงแสดงความจริงใจ เพื่อลดความตึงเครียดในบริเวณชายแดน เพราะหากยังมีกรณีการเหยียบทุ่นระเบิด สถานการณ์ก็จะแย่ลง ดังนั้น ต้องมีการร่วมมือกันทั้งสองฝ่าย เพื่อเป็นการลดความขัดแย้งของทั้งสองประเทศ
>> พ่อเลี้ยงเมาคลั่ง ตามราวีอดีตเมีย-ปืนยิงกรอกปากลูกเลี้ยง เจ็บสาหัส
21.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุยิงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บภายในห้องเช่า ซอยทุ่งกลม-ตาลหมัน 1 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบ นายเวช อายุ 50 ปี ผู้ก่อเหตุ อยู่ในอาการมึนเมาอย่างหนัก ใบหน้าบวมปูดจนตาซ้ายปิดสนิท และมีเลือดไหลอาบ ถูกพลเมืองดีควบคุมตัวไว้ พร้อมด้วยอาวุธปืนไทยประดิษฐ์และปลอกกระสุน ขนาด .22 ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการตรวจสอบภายในห้องเช่าพบร่องรอยคราบเลือดกระจายไปทั่ว ส่วนผู้บาดเจ็บคือ นายศรานุวัฒิน์ อายุ 23 ปี พลทหารเกณฑ์ที่ขอลากลับมาเยี่ยมแม่ และกำลังจะปลดประจำการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ลูกเลี้ยง นายเวช (ผู้ก่อเหตุ) ถูกยิงเข้าที่ปาก อาการสาหัส พลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลก่อนหน้าแล้ว และยังพบ น.ส.สายหยุด อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นแม่ของพลทหารหนุ่มอยู่ในอาการตกใจ และได้รับบาดเจ็บจากร่องรอยคล้ายกระสุนถากที่ศีรษะ
น.ส.สายหยุด ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า นายเวช อดีตสามีที่เลิกรากันมานานกว่า 10 ปี เพราะทนพฤติกรรมความขี้หึงและมักจะหาเรื่องทะเลาะไม่ได้ โดยล่าสุดถึงขั้นกล่าวหาว่าตนมีสัมพันธ์กับลูกชายแท้ ๆ วันเกิดเหตุ นายเวช ได้เข้ามาหาเรื่องในห้องในอาการเมา นายศรานุวัฒิน์ พยายามปกป้องแม่ จนถูกจ่อยิงกรอกปากเจ็บสาหัส ตนจึงเข้าแย่งปืนจนเกิดการลั่นอีกนัด กระสุนเฉี่ยวศีรษะไป ก่อนที่พลเมืองดีที่อยู่ข้างเคียงจะเข้ามาช่วยเหลือและควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ ขณะนี้ควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย