นพ.สุภัทร ผอ.รพ.สะบ้าย้อย เผยถูกตั้งธงเอาผิด-จ่อให้ออกจากราชการ กรณีแพทย์ชนบทบุกกรุงจัดซื้อ ATK ช่วยคนกทม. ช่วงโควิด
วันนี้ (16 สิงหาคม) นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย เปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงกรณีการจัดซื้อ ATK จากโครงการแพทย์ชนบทบุกกรุงในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดว่า “ผมกำลังจะถูกให้ออกจากราชการ”
นพ.สุภัทรระบุอีกว่า ข้าราชการไทยอยู่ยาก ต้องเดินกุมเป้า เงียบๆ พูดน้อย นายว่านกเราก็นก เห็นความทุจริต ไร้ประสิทธิภาพ นโยบายเพี้ยน ก็ต้องทำไม่รู้ไม่ชี้ จึงจะมีความเจริญก้าวหน้า ถึงอย่างนั้น ส่วนตัวก็ยังให้ความเห็นแย้งคัดค้านบางเรื่องใน กท.สธ. และเรื่องสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด นพ.สุภัทรระบุว่า “ปลัดกระทรวงคนปัจจุบัน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ มีธงลงมือจัดการผมทุกทาง ในฐานะกรวดในรองเท้าของใครบางคน หวังให้ผมเงียบ อยู่ในโอวาท 3 ปีที่ผ่านมา ผมจึงถูก สธ. ตั้งกรรมการสอบวินัยกว่า 10 เรื่อง แต่ได้แค่ตักเตือน ภาคทัณฑ์ จนกระทั่งมีการสั่งย้ายผมโดยมิชอบ ให้พ้นจากโรงพยาบาลจะนะ ให้ไปอยู่ที่โรงพยาบาลสะบ้าย้อย พอสั่งย้ายปุ๊บก็ส่งทีมชุดใหญ่เข้ามาตรวจสอบภายในเพื่อขุดหาความผิด พร้อมทั้งให้ข่าวว่าผมทุจริต และตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงผม เรื่องการจัดซื้อ ATK แพทย์ชนบทบุกกรุง”
นพ.สุภัทรระบุว่า แพทย์ชนบทบุกกรุง 3 รอบ ในช่วง กรกฎาคม-สิงหาคม 64 สิ่งที่ยากที่สุดเป็นจริงอย่างไม่น่าเชื่อ โรงพยาบาลต่างๆ อาสาบุกกรุงมาตรวจ ATK 3 รอบ ทีมชุมชนใน กทม. แข็งขันจัดการสถานที่จัดคิวอำนวยการทุกอย่าง ความยากที่สุด คือ เราจะต้องจัดซื้อ ATK มาใช้เอง กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไม่มีให้ ในขณะนั้น มาตรฐาน สธ. ยังใช้ RT-PCR แกนนำหลายโรงพยาบาลแบ่งหน้าที่ช่วยกันจัดซื้อ ATK ตนก็จัดซื้อในนามโรงพยาบาลจะนะ ตามสถานการณ์หน้างานที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ว่า คนมารับการตรวจจะมากหรือน้อย เราจะทำไหวที่จำนวนเท่าไหร่ แต่จุดยืนตอนนั้นคือทุกคนที่มารอต้องได้ตรวจ เราตรวจไปทั้งหมด 192,905 คน พบผู้ติดเชื้อและได้จ่ายยาไปมากถึง 22,451 คน
“การบุกกรุง 3 ครั้ง โรงพยาบาลจะนะทำการจัดซื้อ ATK ไป 5 ครั้ง จึงเปิดช่องให้ผมถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าจัดซื้อผิดระเบียบ แบ่งซื้อแบ่งจ้าง แต่โรงพยาบาลอื่นที่จัดซื้อในคราวนั้นไม่ถูกสอบสวน การชี้แจงของผมอย่างละเอียดไม่เป็นผล ในเมื่อกรรมการมีธง มีมติให้ผมออกจากราชการ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญก่อนเกษียณของปลัดโอภาส ให้ทันก่อน 30 กันยายน 68 นี้”
นพ.สุภัทรระบุว่า “ที่ผ่านมา ผมพยายามชี้แจงตามระบบ ไม่เปิดเรื่องสู่สาธารณะ คิดว่าระบบราชการยังให้ความเป็นธรรมได้บ้าง แต่วันนี้ผมถูกต้อนจนเข้ามุม ถึงเวลาที่จะต้องเปิดความจริงให้สาธารณะทราบ ถ้าเชื่อมั่นในความเป็นผม สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ เรามาสู้ด้วยกัน ระบบราชการต้องมีความเป็นธรรมให้กับข้าราชการและประชาชนได้ ประเทศจึงจะมีความหวัง”