BYD Seal 5 DM-i มากกว่า EV เหนือกว่า Hybrid เด่นทั้งความประหยัด กับอัตราเร่ง
BYD Seal 5 DM-i Super Hybrid จัดอยู่ในรถยนต์กลุ่มซีดานขนาดกลาง มาพร้อมขุมพลัง DM-i Super Hybrid แบบพลักอินไฮบริด (PHEV) เป็นครั้งแรกของไทย ทั้งยังมีแบทเตอรี BYD Blade Battery เอกสิทธิ์ของ BYD สามารถขับขี่ด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลสุด 120 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) ภายนอกโฉบเฉี่ยวภายใต้แนวคิด Ocean Aesthetics ภายในกว้างขวาง เมื่อเทียบกับรถยนต์ระดับเดียวกัน ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก รวมถึงอุปกรณ์ความ ปลอดภัย และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ
BYD Seal 5 DM-i เป็นรถยนต์ซีดานพลักอินไฮบริด (PHEV) ที่ผลิตโดย BYD Auto ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Seal และเป็นรุ่นปรับปรุงของ BYD Destroyer 05
BYD Seal 5 DM-i Super Hybrid
ภายนอกออกแบบภายใต้แนวคิด Ocean Aesthetics ให้อารมณ์สปอร์ท ผสานกับเส้นสายตัวถัง ด้านข้างที่เฉียบคม สะท้อนความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์
กระจังหน้าไร้กรอบแบบ DOT MATRIX มาพร้อมไฟหน้า Full LED แบบ STARLIGHT
ไฟท้าย Full LED รมดำ รูปทรงเรขาคณิตแบบ DOT MATRIX พร้อม LED Light Bar และไฟเลี้ยวแบบ Sequential
ล้อขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/55 R17
เปรียบเทียบคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน..ซีดานขนาดกลาง
BYD Seal 5 รถเก๋งซีดานขนาดกลางแบบพลักอินไฮบริด (PHEV) มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 4,780/1,837/1,495 มม. ความยาวฐานล้อ 2,718 มม. ใหญ่กว่าไฮบริด
Honda Civic e:HEV (4,681/1,842/1,415 มม. ความยาวฐานล้อ 2,734 มม.)
Toyota Corolla HEV (4,630/1,780/1,455 มม. ความยาวฐานล้อ 2,700 มม.)
แต่ยังไม่เท่า Aion ES EV (4,810/1,880/1,545 มม. ความยาวฐานล้อ 2,750 มม.)
ภายในกว้าง นั่งสบายทุกตำแหน่ง
BYD Intelligent Cockpit มาพร้อม Smart Control บริเวณคอนโซลกลาง ที่รวมการควบคุมไว้ในที่ เดียว ช่วยให้การเข้าถึงเป็นไปได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว และหน้าจอเรือนไมล์ ขนาด 8.8 นิ้ว หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดีย แบบลอยตัว ขนาด 12.8 นิ้ว ที่มีขนาดใหญ่สุด เมื่อเทียบ กับรถยนต์ระดับเดียวกัน ซึ่งมาพร้อมเครื่องเสียง ลำโพง 8 ตำแหน่งจากโรงงาน
หน้าจอเรือนไมล์ ขนาด 8.8 นิ้ว บอกข้อมูลตัวรถ ทั้งเรื่องการใช้พลังงาน การชาร์จ ปริมาณไฟในแบทเตอรีเป็นเปอร์เซนต์ ปริมาณน้ำมันพร้อมระยะทางที่จะเดินทางไปได้เป็นกิโลเมตร และความเร็ว
หน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดีย แบบลอยตัว ขนาด 12.8 นิ้ว ศูนย์รวม ทั้งแอร์ ระบบความบันเทิง การเชื่อมต่อ รวมทั้งข้อมูลรถ ระบบสั่งงานด้วยเสียงทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ มาพร้อมระบบกรองฝุ่น PM2.5 ควบคุมและงานผ่านจอกลาง ช่องแอร์ 4 ตำแหน่ง ซ้าย/ขวา ตรงกลางอีก 2 ตำแหน่ง ใต้จอ
ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายขนาด 15 W ซ่อนเอาไว้ในช่องด้านหน้าที่วางแก้ว จะพบปัญหาอยู่บ้างในตอนหยิบใช้งาน ถ้ามีแก้วน้ำวางอยู่
เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับ ไฟฟ้า 4 ทิศทาง
เบาะด้านหลังมีพนักพิงศีรษะ ปรับระดับแยกกันได้ทั้ง 3 ตำแหน่ง และมีที่พักแขนตรง กลางพร้อมที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง
ช่องปรับอากาศตรงกลางด้านหลัง ช่องเสียบ USB A และ USB C สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมช่องวางโทรศัพท์มือถือ
พื้นที่บรรทุกสัมภาระท้ายรถขนาด 450 ลิตร ใส่กระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้ว ได้ 6 ใบ จัดเก็บสัมภาระได้มาก ขึ้นด้วยฟังก์ชันการพับเบาะด้านหลังแบบ 60/40 ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย
ระบบกุญแจแบบบัตรอิเลคทรอนิกส์ NFC (NFC Card) BYD Digital Key และรองรับ การอัปเดตซอฟต์แวร์ผ่านสัญญาณอินเทอร์เนต (OTA)
BYD แอพ ควบคุมสั่งให้เปิด/ปิด ตัวรถ สั่งเปิดแอร์ล่วงหน้า
ขุมพลัง PHEV แบบ DM-I SUPER HYBRID
ขุมพลังพลักอินไฮบริด (PHEV) แบบ DM-i Super Hybrid หรือ Dual Mode-intelligent ที่เน้นการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ในทุกช่วงความเร็ว ด้วยระบบ การทำงาน EHS (Electric Hybrid System) เป็นการออกแบบที่ผสม ผสานระหว่างชุดควบคุม อิเลคทรอนิกส์คู่และมอเตอร์คู่ สู่ ระบบขับเคลื่อนที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด ให้กำลังสูงสุด
โดดเด่นด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ประหยัด กับอัตราเร่ง
ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า 145 กิโลวัตต์ (197 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร ซึ่งมีการจัดการพลังงานและ ความร้อนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างอัตราเร่งที่ทรงพลัง และยังคงทนทุกสภาพการใช้งาน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที
หัวใจสำคัญอีกอย่างคือเครื่องยนต์เบนซิน Xiaoyun 1.5L Atkinson Cycle ที่มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูง ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า (72 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 12.4 กก.ม. หรือ 122 นิวตัน-เมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.5:1 และระบบระบายความร้อนแบบแยกส่วน
ประหยัดด้วยอัตราสิ้นเปลืองเพียง 3.8 ลิตร/100 กม. หรือ 26.3 กม./ลิตร แม้ขณะที่แบทเตอรีต่ำ (SOC ต่ำ) และยังรองรับน้ำมัน E20, Gasohol 91 และ 95 เพิ่มความยืดหยุ่นในการเดินทาง
BYD Blade Battery ขนาด 18.3 กิโลวัตต์ - ชั่วโมง เทคโนโลยีแบทเตอรีเอกสิทธิ์เฉพาะของ BYD ที่มี ชื่อเสียงด้านความปลอดภัยขั้นสูงสุด การันตีด้วยการผ่านการทดสอบความปลอดภัยสุดโหด โดยการ ตอกตะปูทะลุเซลล์แบตเตอรี่ได้สำเร็จ จากการออกแบบโครงสร้างแบบรังผึ้ง (Honeycomb Structure) ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งเชิงโครงสร้าง ทั้งยังมาพร้อมระบบการจัดการพลังงานและความร้อน ประสิทธิภาพสูง เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น ส่งผลให้สามารถขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้เป็น ระยะทางสูงสุด 120 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) หรือขับขี่ระยะทางรวมสูงสุดมากกว่า 1,000 กม.
*เป็นไปตามมาตรการทดสอบมาตรฐาน NEDC ระยะทางจริงอาจปรับเปลี่ยนได้ตามปัจจัยต่างๆ เช่น พฤติกรรมการขับขี่ของ แต่ละบุคคล น้ำหนักบรรทุก สภาพการจราจร และอื่นๆ
NEDC (New European Driving Cycle) เป็นเพียงการทดสอบในสภาวะที่กำหนดไว้ ซึ่งระยะทางที่รถยนต์วิ่งได้จริงอาจแตกต่างจากที่ระบุไว้ในการทดสอบ NEDC เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น พฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล น้ำหนักบรรทุก และสภาพการจราจร มีผลต่อระยะทางที่รถสามารถวิ่งได้จริง
รองรับการชาร์จแบบ AC Type 2 กำลังสูงสุด 6.6 กิโลวัตต์ ใช้เวลาชาร์จไฟไม่เกิน 3 ชม. และยังมีรองรับระบบ VtoL สำหรับการ จ่ายกระแสไฟฟ้าให้เครื่องใช้ไฟฟ้าได้อีกด้วย
เปรียบเทียบกับคู่แข่ง
เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า (ระบบ DM-i Super Hybrid) 145 กิโลวัตต์
Honda Civic e:HEV เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 104 กิโลวัตต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า 135 กิโลวัตต์ แรงบิด 315 นิวตันเมตร
Toyota Corolla HEV เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 72 กิโลวัตต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า 53 กิโลวัตต์ให้กำลังร่วม 90 กิโลวัตต์
Aion ES มอเตอร์ไฟฟ้า 100 กิโลวัตต์ แรงบิด 225 นิวตันเมตร
อุปกรณ์ความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving Technology) ที่จะทำให้คุณอุ่นใจตลอดการเดินทางด้วย
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ (Intelllgent Driving Technology)
ระบบช่วยควบคุมความเร็วโดยอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ (ICC)
ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW)
ระบบช่วยเตือน เมื่อมีรถผ่านจุดอับสายตา ขณะถอยหลัง (RCTA)
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
ระบบช่วยควบคุมรถ ไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP)
ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา พร้อมเซนเซอร์ช่วยตรวจจับวัตถุด้านหน้า 2 จุด และ เซนเซอร์ช่วย ตรวจจับวัตถุด้านหลัง 4 จุด
อุปกรณ์ความปลอดภัย (Passive Safety)
ถุงลมนิรภัย 6 จุด ประกอบด้วย ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และ ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง
โครงสร้างตัวถังแบบ Roll Cage Body เพิ่มความแข็งแกร่งในโครงสร้างรอบคัน พร้อมปกป้อง ผู้โดยสารรอบทิศทาง และยังส่งผลให้การขับขี่มีความมั่นคงมากขึ้น
โครงสร้างประตูมีคานขวางในตัว และหล่อโครงประตูเป็นชิ้นเดียวกัน ช่วยซับแรงกระแทกจากการถูกชน ด้านข้าง หรือพลิกคว่ำ
ประหยัด.. ไฟฟ้า 120 กม. + น้ำมัน 3.8 ลิตร/100 กม.
บททดสอบรอบนี้มีโจทย์ เรื่องความประหยัดด้วย กับระยะทางรวม 240 กม.
เริ่มต้นที่ BYD Academy แยกวัดศรีเอี่ยม บางนา มุ่งหน้าไปด่านเก็บเงินค่าผ่านทางพิเสษ ปากน้ำ
สภาพการจราจรติดขัด เลือกใช้โหมด EV หรือ Pure Electric Drive ได้สบาย ด้วยพลังไฟที่มีอยู่ในแบทเตอรี BYD Blade Battery ขนาด 18.3 กิโลวัตต์ - ชั่วโมง
ขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้เป็น ระยะทางสูงสุด 120 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC)
ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า 145 กิโลวัตต์ (197 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.5 วินาที
หลังจากผ่านช่วงโปรโมชัน ขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ 120 กม. ก็ถึงเวลาของ HEV Series Mode ที่ปริมาณแบทเตอรีเหลือน้อยกว่า 25 % เครื่องยนต์ก็มาทำหน้าที่
หลังจากผ่านช่วงเวลาเดินทาง 6 ชม. ก็ถึงเวลาที่ต้องเชคปริมาณน้ำมันที่ใช้ไปทั้งหมด เข้าปั๊ม (Chaloem Maha Nakorn Expessways)
กรรมการตรวจเชคสติกเกอร์ทั้ง ฝาถัง และฝาช่องชาร์จ ก่อนจะเริ่มเติมน้ำมัน กลับไปให้เติม และทำการโยก ซ้าย/ขวา จำนวน 3/3 ครั้ง และเติมจนกว่าจะเต็มอีกครั้ง
ผลที่ได้ เป็นอัตราสิ้นเปลือง ..ความประหยัด
สำหรับรถคันของทีม www.autoinfo.co.th ใช้น้ำมันไปทั้งหมด 3.47 ลิตร กับระยะทางที่ขับไป 234 กม. คิดเป็น 67.44 กม. / ลิตร หรือ 1.48 ลิตร/ 100 กม.
ถ้าลบกับระยะทางที่ใช้ไฟฟ้าจากแบทเตอรี 120 กม. ก็ยังได้ 32.85 กม./ลิตร BYD Seal 5 DM-i ประหยัด ขับได้ไกลกว่า
BYD Seal 5 DM-i มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันที่ 8 สิงหาคม 2568 และจะประกอบในประเทศไทยที่โรงงาน BYD จังหวัดระยอง
ประหยัดน้ำมันและสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองและเดินทางไกล