GPSC กำไร Q2 โต 41% รับปันผล-ส่วนแบ่งบ.ร่วม
หุ้นวิชั่น
อัพเดต 7 สิงหาคม 2568 เวลา 0.40 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • HoonVision | หุ้นวิชั่น - หุ้น ข่าวหุ้น หุ้นไทยวันนี้ หุ้นวันนี้ หุ้นเด่น วิเคราะห์หุ้น ธุรกิจ การเงิน เศรษฐกิจ การลงทุน ดัชนีราคาหุ้นหุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิของบริษัทฯ จำนวน 2,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 879 ล้านบาท หรือร้อยละ 77 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2568 โดยมีสาเหตุหลักมาจากเงินปันผลรับและส่วนแบ่งกำไร จากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 467 ล้านบาทหรือร้อยละ 388 สาเหตุหลักมาจากผลประกอบการดีขึ้นของบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) จากการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ใน สปป.ลาว ที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น จากประเทศจีนและปรากฎการณ์ลานีญา เงินลงทุนใน CI Changfang Limited and CI Xidao Limited (CFXD) โรงไฟฟ้าพลงังานลมนอกชายฝั่ง ที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งรับรู้กำไรจาก อัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ขณะที่ผลการดำเนินงานตามปกติปรับลดลงตามฤดูกาล รวมทั้ง Avaada Energy Private Limited (AEPL) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศอินเดีย
รับรู้รายได้ทางภาษีซึ่งรับรู้เป็นขาดทุนในปี 2564จากการไถ่ถอนตราสารหนี้ก่อนกำหนด ในปี 2564 ขณะที่ผลการดำเนินงานตามปกติลดลงตามฤดูกาลที่มีค่าความเข้มแสงลดลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีสำหรับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2568 มีจำนวน 301ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาสที่ 1 ปี 2568 มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ จำนวน 57ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่แข็งค่า ส่งผลให้เกิดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากการบันทึกปรับมูลค่าเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐในบริษัทย่อยสำหรับการลงทุนในโครงการ CFXD บริษัทฯ มีต้นทุนทางการเงิน จำนวน 1,292 ล้านบาท ลดลง 88 ล้านบาท จากการชำระคืนเงินกู้บางส่วน และอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการด้านโครงสร้างเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลง 78 ล้านบาท สาเหตุหลัก เนื่องจากบริษัทฯ มีการบันทึกสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีและมีการบันทึกปรับปรุงหนี้สินภาษีเงินได้รอตัดบัญชี อย่างไรก็ดีบริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น จำนวน 5,123 ล้านบาท ลดลง 126 ล้านบาทหรือร้อยละ 2 สาเหตุหลักมาจากโรงไฟฟ้าศรีราชามีค่าความพร้อมจ่ายลดลง เนื่องจากชั่วโมงการเดินเครื่องครบตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ.ครบในเดือนพฤษภาคม 2568
กำไรสุทธิของบริษัทฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2567 อยู่ที่ 2,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 590 ล้านบาท หรือร้อยละ 41 โดยสาเหตุหลักมาจากเงินปันผลรับและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมจำนวน 588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 627 ล้านบาท จากเงินลงทุนใน CFXD โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่
รวมทั้ง AEPL โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศอินเดีย ซึ่งมีผลประกอบการดีขึ้นตามปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์มากขึ้น และ XPCL จากการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำที่มากขึ้นจากประเทศจีน และจากปรากฏการณ์ลานีญา
นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ จำนวน 301 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 294 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่แข็งค่า ส่งผลให้เกิดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการบันทึกปรับมูลค่าเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐของบริษัทย่อย
ต้นทุนทางการเงินจำนวน 1,292 ล้านบาท ลดลง 291 ล้านบาท หรือร้อยละ 18 จากการชำระคืนเงินกู้บางส่วน และอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง
ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 2,347 ล้านบาท ลดลง 133 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 สาเหตุหลักมาจากค่าตัดจำหน่ายมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิที่ได้จากการเข้าซื้อ GLOW ลดลงตามอายุสัญญา
กำไรขั้นต้นจำนวน 5,123 ล้านบาท ลดลง 569 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 สาเหตุหลักจาก กำไรผันแปร (Contribution Margin) ลดลง จากโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) และโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP)
โดยในกลุ่ม IPP สาเหตุหลักได้แก่:
- โรงไฟฟ้าศรีราชา: ค่าความพร้อมจ่ายปรับตัวลดลง เนื่องจากการจ่ายไฟฟ้าครบตามชั่วโมงที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ในเดือนพฤษภาคม 2568
- โรงไฟฟ้าห้วยเหาะ: รายได้จากการขายไฟฟ้าลดลงตามการเรียกรับไฟฟ้าของ กฟผ.
- โรงไฟฟ้าโกลว์ไอพีพี: ค่าความพร้อมจ่ายปรับตัวลดลง เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
- โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน: ค่าเชื้อเพลิงส่วนต่าง (Energy margin) เพิ่มขึ้น
สำหรับกลุ่ม SPP สาเหตุหลัก ได้แก่:
- ปริมาณการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ลดลง เนื่องจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของ GSPP3 กับ กฟผ. หมดอายุในเดือนสิงหาคม 2567 และเดือนมีนาคม 2568
- ปริมาณการขายไอน้ำลดลง เนื่องจากลูกค้าอุตสาหกรรมบางรายหยุดซ่อมบำรุงตามแผนงาน
- ค่าเชื้อเพลิงและค่า FT ปรับตัวลดลง
- ค่าใช้จ่ายคงที่ปรับตัวลดลง สาเหตุหลักจากค่าซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า และค่าเบี้ยประกันภัยโรงไฟฟ้าที่ลดลง
ผลประกอบการของบริษัทฯ งวด 6 เดือน ปี 2568
กำไรสุทธิของบริษัทฯ อยู่ที่ 3,159 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 866 ล้านบาท หรือร้อยละ 38
เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือน ปี 2567 โดยมี สาเหตุหลัก ดังนี้:
- เงินปันผลรับและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า จำนวน 709 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 732 ล้านบาท (งวด 6 เดือน ปี 2567: ขาดทุน 23 ล้านบาท) มาจาก AEPL ที่ผลประกอบการดีขึ้น ตามปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโครงการที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์, มีการรับรู้รายได้ทางภาษีที่เคยรับรู้เป็นขาดทุนในปี 2564 จากการไถ่ถอนตราสารหนี้ก่อนกำหนดในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 CFXD มีการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง จากการปรับมูลค่าเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ
เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่แข็งค่า ขณะที่ CFXD มีต้นทุนทางการเงินและค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น จากการรับรู้ต้นทุนเต็มจำนวนหลังจากเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ - โรงไฟฟ้า XPCL ผลประกอบการดีขึ้น จากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น
- TSR ผลประกอบการลดลง เนื่องจาก Adder หมดอายุทั้งหมดในเดือนมิถุนายน 2567 บริษัทฯ หยุดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ TSR ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568
- ต้นทุนทางการเงิน จำนวน 2,673 ล้านบาท ลดลง 332 ล้านบาท หรือร้อยละ 11 เนื่องจากการชำระคืนเงินกู้บางส่วน และอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง
- กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ จำนวน 244 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 234 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่แข็งค่า ส่งผลให้เกิดกำไรจากการบันทึกปรับมูลค่าเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐของบริษัทย่อยในโครงการ CFXD
- ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย จำนวน 4,671 ล้านบาท ลดลง 204 ล้านบาท หรือร้อยละ 4 สาเหตุหลักมาจากค่าตัดจำหน่ายมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์สุทธิที่ได้จากการเข้าซื้อ GLOW ลดลงตามอายุสัญญา
กำไรขั้นต้นของบริษัทฯ จำนวน 10,371 ล้านบาท ลดลง 543 ล้านบาท หรือร้อยละ 5 เนื่องจาก Contribution Margin ลดลงจากกลุ่มโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP)จาก โรงไฟฟ้า เก็คโค่-วัน มีค่าเชื้อเพลิงส่วนต่าง (Energy Margin) ลดลง มีการผลิตไฟฟ้าตามการเรียกรับของ กฟผ. มากกว่าช่วงเดียวกันปี 2567 โรงไฟฟ้า ศรีราชา ค่าความพร้อมจ่ายลดลง เนื่องจากจ่ายไฟฟ้าครบตามชั่วโมงในสัญญาณ พ.ค. 2568 โรงไฟฟ้า โกลว์ไอพีพี ค่าความพร้อมจ่ายลดลงจากค่าเงินบาทแข็งค่า
กลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ปริมาณการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ลดลง เนื่องจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของ GSPP3 กับ กฟผ. หมดอายุในเดือนสิงหาคม 2567 และมีนาคม 2568 ปริมาณการขายไอน้ำลดลง จากลูกค้าอุตสาหกรรมบางรายที่หยุดซ่อมบำรุงตามแผน ค่าเชื้อเพลิงและค่า FT ลดลง ค่าใช้จ่ายคงที่ลดลง เช่น ค่าเบี้ยประกันภัยและค่าซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า
รายได้และค่าใช้จ่ายอื่น จำนวน 535 ล้านบาท ลดลง 92 ล้านบาท หรือร้อยละ 15สาเหตุหลักการบันทึก ขาดทุนจากการปรับลดมูลค่าเงินลงทุน ในกิจการร่วมค้า บริษัท ไทยโซล่าร์รีนิวเอเบิล จำกัด (TSR)จำนวน 23 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ตามมาตรฐานการบัญชี และรายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินฝากสกุลดอลลาร์สหรัฐและเงินเยนลดลง