โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

อาชญากรรม

เปิดคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค4 สรุปคดีลุงพล-น้องชมพู่ ระบุชัด พฤติการณ์ลุงพล

เดลินิวส์

อัพเดต 16 สิงหาคม 2568 เวลา 2.35 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
คดีน้องชมพู่ สู่บทสรุปที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4! “ลุงพล” ถูกพิพากษาจำคุก 26 ปี ด้วยข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและทอดทิ้งเด็ก หลังศาลชี้ชัดหลักฐานพฤติการณ์ สอดคล้องกับพยานนิติวิทยาศาสตร์ ทั้งเรื่ององศาตัดเส้นผม และข้อต่อสู้ที่เต็มไปด้วยพิรุธ พร้อมสั่งให้ชดใช้เงินแก่พ่อแม่น้องชมพู่รวม 2.55 ล้านบาท ด้านศาลฎีกายกคำร้องขอประกันตัว เพราะเป็นคดีร้ายแรงและมีโทษสูง

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 สรุป คดีลุงพล-น้องชมพู่ ระบุชัด พฤติการณ์ลุงพล อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ 2 ครอบครัวมีเหตุทะเลาะกัน หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์องศาตัดเส้นผมมัดแน่น ข้อต่อสู้มีพิรุธเพียบ ชดใช้เงินให้พ่อแม่น้องชมพู่ 2.55 ล้าน

คดีนี้ พนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหารเป็นโจทก์ ฟ้องนายไชย์พลหรือพล วิภา เป็นจำเลยที่ 1 และนางสาวสมพรหรือแต๋น หลาบโพธิ์ เป็นจำเลยที่ 2 ในฐานความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อเสรีภาพ ทอดทิ้งเด็ก และความผิดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กล่าวคือ

จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317

จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และกระทำความผิดฐานทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปี ไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 306, 308 และ

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันเคลื่อนย้ายศพผู้ตายในประการที่จะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณา นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา และนายอนามัย วงศ์ศรีชา ผู้เสียหายทั้งสองยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม

ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วมเฉพาะข้อหาฆ่าผู้อื่น ข้อหาพรากเด็ก และข้อหาทอดทิ้งเด็ก และโจทก์ร่วมทั้งสองขอให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพ และค่าขาดไร้อุปการะ

คดีนี้ศาลจังหวัดมุกดาหารพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี และฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จำคุก 10 ปี รวมจำคุก 20 ปี ข้อหาอื่นให้ยก ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง และให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 2

ราชทัณฑ์เผย ‘ลุงพล’ นอนคุกคืนแรก ปรับตัวได้ คุยจ้อเพื่อนร่วมห้องขัง

โจทก์ โจทก์ร่วมทั้งสอง และจำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนคดีแล้ว มีความเห็นโดยสรุปว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีนี้เป็นการรวบรวมพยานหลักฐานไปตามอำนาจหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่ามีการปั้นแต่งพยานหลักฐานเท็จเพื่อใส่ร้ายผู้ใดโดยไม่มีมูลความจริง แม้ไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความ แต่เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์แวดล้อมคดีใกล้ชิดกับเวลาและสถานที่เกิดเหตุแล้ว เชื่อว่า ผู้ตายไม่อาจเดินไปบนยอดเขาภูเหล็กไฟที่พบศพได้ด้วยตนเองเป็นแน่ และไม่ได้ถอดเสื้อและกางเกงของตนเองออก แต่มีคนร้ายพาตัวผู้ตายขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟ และตัดผมผู้ตาย รวมถึงถอดเสื้อผ้าและกางเกงของผู้ตายออกเพื่ออำพรางคดี เมื่อพิจารณาประกอบกับการที่มีพยานแวดล้อมเห็นจำเลยที่ 1 อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ อีกทั้งพยานหลักฐานที่ได้รับการตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีการที่น่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์ยังบ่งชี้ว่า รอยตัดเส้นผมหรือเส้นขนที่อยู่ในรถยนต์ของจำเลยที่ 1 มีองศาเดียวกันกับรอยตัดเส้นผมหรือเส้นขนบริเวณที่พบศพผู้ตาย คือ มีรอยเฉียง 26 องศา เท่ากัน รวมถึงครอบครัวของโจทก์ร่วมทั้งสองกับจำเลยทั้งสองเคยมีสาเหตุไม่พอใจกันมาก่อน ประกอบกับพยานหลักฐานอื่น ๆ จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยเล็งเห็นผล พยานหลักฐานที่จำเลยที่ 1 นำสืบมามีพิรุธหลายประการ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 ยังไม่เพียงพอให้รับฟังหักล้างพยานโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสอง

ส่วนจำเลยที่ 2 พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีข้อสงสัยตามสมควร ให้ยกฟ้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ฐานทอดทิ้งเด็กเป็นเหตุให้เด็กที่ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย ฐานพรากเด็ก และฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น รวมจำคุก 26 ปี ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 1 เป็นเงิน 1,350,000 บาท และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วมที่ 2 เป็นเงิน 1,200,000 บาท

อนึ่ง ภายหลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวจำเลยที่ 1 ชั่วคราวระหว่างการใช้สิทธิยื่นฎีกา ศาลจังหวัดมุกดาหารมีคำสั่งให้ส่งคำร้องศาลฎีกาพิจารณา ซึ่งภายหลังศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อความรู้สึกด้านลบต่อสังคม ทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 4 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนดถึง 26 ปี นับว่าเป็นโทษสถานหนัก หากได้รับการปล่อยชั่วคราวอาจหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวในระหว่างฎีกายกคำร้อง.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

ถ่างตารอชม! “อโมริม” ยันเอง “เชชโก” พร้อมกระทุ้งตาข่าย “ปืนใหญ่”

30 นาทีที่แล้ว

‘พริษฐ์’ชงหั่นงบหลักสูตรผู้บริหารศาลยุติธรรม 16 ล้าน เสี่ยงสร้างระบบอุปถัมภ์

30 นาทีที่แล้ว

“กิ๊ก มยุริญ”เชื่อความพิเศษใน “หมอบี”มีจริง อยากให้ทุกคนไม่โกรธ “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร”

33 นาทีที่แล้ว

สมาคมนักข่าวฯจับมือกองทุนสื่อฯเสริมเขี้ยวเล็บพัฒนาศักยภาพสื่อมวลชนระดับภูมิภาค

35 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความอาชญากรรมอื่น ๆ

ย้าย "ลุงพล" คุมขังที่เรือนจำกลางนครพนม "ป้าแต๋น" ขอเยี่ยมเอาหัวใจมาฝากสามี

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

‘ราชทัณฑ์’ แจงย้าย ‘ลุงพล’ ขังเรือนจำกลางนครพนม ชี้โทษสูงเกิน 20 ปี

ไทยโพสต์

รวบสองผัวเมียบอส ล่า ‘บัญชีม้า’ ทั่วภาคเหนือ ส่งแก๊งคอลฯ เสียหายกว่า 10 ล้าน

เดลินิวส์

‘ทัพเจ้าตาก’ ปะทะเดือดแก๊งขนยา สอยดับ 1 ยึดยาบ้า 4.2 ล้านเม็ด

เดลินิวส์

ปส.ลาก ร.ต.ท.-ส.ต.อ. สืบเมืองปทุม พัวพันฟอกเงินเครือข่ายยานรก 35 ล้าน

ไทยโพสต์

ตม.3 รวบ 4 หมายจับคนไทย-ต่างชาติ ฉ้อโกง-ยักยอกทรัพย์-หนีควบคุมตัว

เดลินิวส์

รวบสองคู่รักรับจ้างขนยาบ้า 1.48 ล้านเม็ด แลก 2 แสนส่งเป้าหมายนนทบุรี

เดลินิวส์

ราชทัณฑ์ แจงย้ายลุงพล ขังเรือนจำกลางนครพนม ชี้โทษสูงเกิน 20 ปี เผยลุงพลยังไม่มีอาการเครียด

Khaosod

ข่าวและบทความยอดนิยม

กองทัพภาค 2 เผย พบโดรนข้ามแดน 50 ลำ ตรวจจับแสงอินฟราเรด คาดข้าศึกเพิ่มกำลังพล

เดลินิวส์

ไทยสร้างไทย เผย ไม่เห็นชอบงบประมาณปี 2569 ชี้ไม่ตอบโจทย์สถานการณ์ประเทศ

เดลินิวส์

‘ไอติม’ หวังปรับลดงบสภาปีนี้มากสุด 800 ล้าน สร้างบรรทัดฐานป้องภาษีประชาชน

เดลินิวส์
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...