โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

AI กำลังสร้างหายนะให้ ‘มาเลเซีย’ ฮับ Data Center เจอวิกฤติ ‘พลังงาน-น้ำ’

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ซีเอ็นบีซีรายงานว่า “รัฐยะโฮร์” ทางตอนใต้ของประเทศมาเลเซีย กำลังกลายเป็นศูนย์กลางของ “ศูนย์ข้อมูล” หรือ Data Center ที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความต้องการประมวลผลของ AI พุ่งสูงขึ้น

AI ถูกมองว่าเป็นโอกาสในสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจหลายแสนล้านดอลลาร์ แต่สิ่งที่มาพร้อมกันคือความต้องการ "พลังงานและน้ำ" จำนวนมหาศาลเพื่อรองรับโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น

โปรเจกต์ศูนย์ข้อมูลปักหมุด ‘มาเลเซีย’

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐยะโฮร์ของมาเลเซียได้กลายเป็นที่ตั้งสำคัญของศูนย์ข้อมูลระดับโลก โดยดึงดูดการลงทุนมูลค่ามหาศาลจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Google, Microsoft และ ByteDance เนื่องจากมีจุดเด่นหลายประการ เช่น ที่ดินและทรัพยากรราคาถูก ทำเลที่ตั้งที่ใกล้กับ สิงคโปร์ และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ

แม้ว่าการลงทุนเหล่านี้จะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและงานใหม่ ๆ แต่ก็เริ่มมีสัญญาณว่าการขยายตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมนี้กำลัง “เกินขีดจำกัด” ของพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องชะลอการอนุมัติโครงการใหม่ ๆ เพื่อบริหารจัดการผลกระทบที่เกิดขึ้น

‘มาเลเซีย’ เผชิญวิกฤติพลังงานและน้ำ

ปัจจุบัน รัฐยะโฮร์มีกำลังการผลิตพลังงานสำหรับศูนย์ข้อมูลอยู่ที่ประมาณ 580 เมกะวัตต์ แต่กำลังการผลิตที่วางแผนไว้ทั้งหมดซึ่งรวมถึงโครงการที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นมีตัวเลขสูงเกือบ 10 เท่าของจำนวนดังกล่าว หรือสามารถจ่ายไฟให้ครัวเรือนได้ถึง 5.7 ล้านครัวเรือนต่อชั่วโมง

ธนาคาร Kenanga Investment Bank Berhad ประเมินว่าภายในปี 2578 การใช้ไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูลทั่วประเทศจะสูงถึง 20% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายด้านพลังงานที่กำลังรออยู่จากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมของมาเลเซีย ได้เปิดเผยว่าประเทศมีแผนจะเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติอีก 6 ถึง 8 กิกะวัตต์ และคาดว่าการใช้พลังงานโดยรวมจะเพิ่มขึ้นถึง 30% ภายในปี 2573 ซึ่งขัดแย้งกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศที่ต้องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ให้เร็วที่สุดภายในปี 2050

นอกจากนี้ ปัญหาเรื่อง “น้ำ” ยังเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่สำคัญ เนื่องจากศูนย์ข้อมูลใช้น้ำในปริมาณมหาศาลเพื่อระบายความร้อนอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่ให้ร้อนเกินไป โดยมีการประเมินว่าศูนย์ข้อมูลขนาด 100 เมกะวัตต์โดยเฉลี่ยต้องใช้น้ำถึง 4.2 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณน้ำที่ใช้ในหลายพันครัวเรือน

จึงไม่แปลกใจที่รัฐยะโฮร์มักเจอปัญหาการขาดแคลนน้ำ และยังต้องพึ่งพาน้ำประปาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง “สิงคโปร์” เป็นส่วนใหญ่ โดยมีรายงานว่าขณะนี้รัฐยะโฮร์อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง อ่างเก็บน้ำและโรงบำบัดน้ำแห่งใหม่ถึง 3 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้โดยเฉพาะ

การมาของ AI ต้องแลก ‘ทรัพยากร’

ศูนย์ข้อมูลเปรียบเสมือน "กระดูกสันหลังของโลกดิจิทัล" ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลและประมวลผลคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนทุกอย่างในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายออนไลน์ สื่อสังคมออนไลน์ การธนาคารดิจิทัล ไปจนถึงระบบ AI ที่นับวันยิ่งมีบทบาทมากขึ้น

กรณีของรัฐยะโฮร์ในมาเลเซียเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้และความท้าทายด้านพลังงานและน้ำที่ตามมา

แม้ว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมจะยังคงเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การก่อสร้างศูนย์ข้อมูลก็เผชิญกับอุปสรรคสำคัญ ทั้งจากข้อจำกัดด้านพลังงานและความล่าช้าในการขออนุญาต ทำให้บางรัฐบาลต้องเร่งกระบวนการอนุมัติและจัดหาพลังงานใหม่ที่ราคาถูกลง ซึ่งนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่างกังวลว่าแนวทางนี้อาจส่งผลกระทบและขัดแย้งกับ เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ของโลก

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือใน สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอ “แผนปฏิบัติการ AI” เพื่อลดขั้นตอนการอนุญาตและยกเลิกกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเร่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสำหรับ AI

อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon และ North Carolina State คาดการณ์ว่าการเติบโตของศูนย์ข้อมูลและการขุดสกุลเงินดิจิทัลจะทำให้ ค่าไฟฟ้าของชาวอเมริกันเพิ่มขึ้น 8% และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตพลังงานเพิ่มขึ้นถึง 30% ภายในปี 2573

ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รายงานในเดือนพ.ค.ชี้ว่า ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นสูง จนเทียบเท่ากับปริมาณการใช้ไฟฟ้ารวมของประเทศ เยอรมนีและฝรั่งเศสในปี 2566 ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ OpenAI เปิดตัวโมเดล AI อย่าง ChatGPT ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับวงการเทคโนโลยีทั่วโลก

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ประเมินว่าโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับ AI อาจใช้น้ำมากกว่าประเทศ เดนมาร์ก ถึง 4-6 เท่าภายในปี 2027 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้น

มาเลเซียไม่นิ่งเฉย เร่งออกแผนแก้ปัญหา

ทั้งนี้ มาเลเซียกำลังส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าต้องการควบคุมการใช้พลังงานและทรัพยากร ของอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูล โดยรัฐบาลมีแผนจะเปิดตัว “กรอบการทำงานสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ยั่งยืน” ภายในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น

เพื่อรับมือกับความต้องการพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น เจ้าหน้าที่ยังได้อนุมัติโครงการ พลังงานหมุนเวียนเพิ่ม พร้อมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้พลังงานนิวเคลียร์ด้วย

ในด้านการใช้น้ำ รัฐยะโฮร์ได้เริ่มใช้อัตราค่าน้ำที่สูงขึ้นสำหรับศูนย์ข้อมูลตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาและยังสนับสนุนให้อุตสาหกรรมหันมาใช้น้ำรีไซเคิลแทน นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตว่าศูนย์ข้อมูลที่สร้างใหม่บางแห่งเลือกใช้เทคโนโลยีที่ไม่ต้องพึ่งพาน้ำในการระบายความร้อนเลย ซึ่งเป็นแนวทางที่ยั่งยืนในระยะยาว

ต้องมีกฎหมายระดับโลกคุม Data Center

ในระดับภูมิภาค ความกังวลเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองของศูนย์ข้อมูลไม่ใช่เรื่องใหม่

ย้อนไปในปี 2562 สิงคโปร์ เคยประกาศระงับการสร้างศูนย์ข้อมูลเป็นเวลาถึง 3 ปี เพื่อควบคุมการใช้พลังงานและน้ำอย่างจริงจัง ซึ่งหลังจากการระงับดังกล่าว อุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลจึงเริ่มย้ายฐานการลงทุนไปยังรัฐยะโฮร์ของมาเลเซีย ซึ่งมีกฎระเบียบที่ผ่อนคลายและเป็นมิตรมากกว่า

ต่อมาในปี 2565 สิงคโปร์ได้ยกเลิกการระงับและเปิดตัว “แผนงานศูนย์ข้อมูลสีเขียว” (Green Data Centre Roadmap) ซึ่งมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการนำพลังงานสะอาดมาใช้มากขึ้น

สถานการ์นี้สะท้อนว่า กฎระเบียบที่เข้มงวดของบางประเทศอาจทำให้ผลกระทบข้ามไปสู่ตลาดที่มีการควบคุมน้อยกว่า เนื่องจากยังขาดมาตรการป้องกันระหว่างประเทศที่ชัดเจน ทำให้โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ออกมาเรียกร้องให้มีกฎหมายระดับโลกเพื่อควบคุมเรื่องนี้โดยเฉพาะ

อ้างอิง CNBC

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

‘ทรัมป์’ เตือน ‘เซเลนสกี’ เลิกหวังเข้านาโต ไครเมียก็อาจไม่ได้คืน

23 นาทีที่แล้ว

ก.ล.ต. พักงาน 2 มาร์เก็ตติ้งบล.ดาโอ พบซื้อขายผ่านบัญชีลูกค้าปี 65

33 นาทีที่แล้ว

สตง.แชมป์องค์กรอิสระโปร่งใส ITA68 กกต.ที่ 2 ป.ป.ช.ที่ 3

36 นาทีที่แล้ว

โมดี เล็ง ‘ลดภาษี’ รถ-เบี้ยประกัน รับมือทรัมป์ขึ้นภาษี 50% หวังปลุกกำลังซื้อขึ้นมา

53 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

‘บุหรี่ไฟฟ้า’ จากภัยยาสูบ สู่ยาเสพติด สิงคโปร์ประกาศวาระแห่งชาติ สั่งปราบปรามเด็ดขาดเพื่อปกป้องเยาวชน

TODAY

Forbes จัดอันดับ 50 ประเทศร่ำรวยสุดในโลก 2025 อเมริกาแชมป์ 'ไทย' มั่งคั่งอันดับที่ 31

MATICHON ONLINE

ไม่ใช่แค่ กระต่ายซอมบี้ กระรอกซอมบี้ โผล่สหรัฐ มีตุ่มหนองทั่วตัว ผู้เชี่ยวชาญยัน ไม่ติดสู่คน

MATICHON ONLINE

‘ทรัมป์’ เตือน ‘เซเลนสกี’ เลิกหวังเข้านาโต ไครเมียก็อาจไม่ได้คืน

กรุงเทพธุรกิจ

สเปนและโปรตุเกสต่อสู้กับไฟป่า ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น

ไทยโพสต์

อดีตคนรัก ส่งเงินให้ "ครึ่งแสน" เป็นของขวัญวิวาห์ อ่านการ์ดสั้นๆ ว่าที่เจ้าสาวร้องไห้ทันที!

sanook.com

สิงคโปร์ปราบ ‘สูบบุหรี่ไฟฟ้า’ ในระบบขนส่งสาธารณะ

Xinhua

รัฐมนตรีกัมพูชาลั่นไทยใช้ประเด็นทุ่นระเบิดเพื่อรุกรานอธิปไตย ย้ำ "ชาวเขมรเกลียดชังทุ่นระเบิด"

The Better

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...