ทรัมป์โยนให้อิสราเอล จะเอาอย่างไรกับกาซา จะยึดครองทั้งหมด ก็แล้วแต่!
ทรัมป์ตอบส่ง แล้วแต่อิสราเอลจะยึดกาซา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า เขาจะไม่ขัดขวางแผนการของอิสราเอลที่จะเข้ายึดครองฉนวนกาซา หลังจากที่นักข่าวถามเขาเกี่ยวกับประเด็นที่ว่า นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศจะยึดครองกาซาทั้งหมด ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ตอบว่า “ผมบอกไม่ได้จริงๆ ครับ คงต้องขึ้นอยู่กับอิสราเอลเป็นหลัก”
ทั้งนี้ ทางการสหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือด้านการทหารแก่อิสราเอลเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี และยังเพิ่มความช่วยทางด้านการทหารในช่วงที่อิสราเอลเริ่มต้นทำสงครามในฉนวนกาซาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2023
สถานการณ์ในปัจจุบัน รัฐบาลอิสราเอลได้ใช้คำสั่งบังคับอพยพ เพื่อบีบให้ชาวปาเลสไตน์ต้องอพยพไปอยู่ในพื้นที่ที่เล็กลงเรื่อยๆ ในฉนวนกาซา ส่งผลให้พื้นที่ 86% ของฉนวนกาซาตกเป็นเขตที่มีทหารอิสราเอลควบคุม แต่การเพิ่มปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ส่วนที่เหลือจะยิ่งทำให้ชีวิตของชาวปาเลสไตน์ตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น ซึ่งพวกเขาต้องเผชิญกับการโจมตีด้วยระเบิดและความอดอยากจากการถูกปิดล้อม และปิดกั้นเส้นทางความช่วยเหลือจากนานาชาติ
อย่างไรก็ตาม แผนการยึดครองกาซาอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้เกิดความกังวลต่อตัวประกันชาวอิสราเอลที่ถูกจับตัวไปว่าอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งแม้แต่คนในประเทศเองก็ไม่เห็นด้วยกับปฏิบัติการอันอุกอาจนี้ โดยเฉพาะญาติของเหยื่อตัวประกันอีกหลายสิบชีวิตที่ฮามาสยังจับตัวไว้อยู่
เสียงค้านจากนานาชาติ VS แรงหนุนของสหรัฐฯ
ด้านมิโรสลาฟ เยนกา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหประชาชาติ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า การยึดครองฉนวนกาซาอย่างสมบูรณ์จะ “มีความเสี่ยงต่อผลลัพธ์ที่เลวร้าย” โดยแนะว่า จะต้องใช้กฎหมายระหว่างประเทศช่วยเข้ามาสร้างความชัดเจนในเรื่องนี้ ซึ่งกฎหมายก็กำหนดไว้ว่ากาซาจะต้องยังคงเป็นส่วนสำคัญของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2005 อิสราเอลถอนกำลังและถิ่นฐานออกจากดินแดนปาเลสไตน์ แต่ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายกล่าวว่า ในทางเทคนิคแล้ว ดินแดนดังกล่าวยังคงอยู่ภายใต้การยึดครอง เนื่องจากกองทัพอิสราเอลยังคงควบคุมน่านฟ้า น่านน้ำ และท่าเรือเข้าออกของกาซาต่อมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นในปี 2023 เจ้าหน้าที่ฝ่ายขวาของอิสราเอลได้เรียกร้องให้ฟื้นฟูสถานะทางทหารและการตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลภายในฉนวนกาซาอีกครั้งด้วย
นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูยังเสนอว่าอิสราเอลมีเป้าหมายที่จะขับไล่ชาวปาเลสไตน์ทั้งหมดออกจากดินแดนดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการกวาดล้างทางชาติพันธุ์ และดูเหมือนว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเห็นด้วยกับความคิดนี้ โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทรัมป์เสนอให้กำจัดประชาชนออกจากฉนวนกาซา เพื่อสร้าง “ริเวียร่าแห่งตะวันออกกลาง” ขึ้นมาแทน
บีบให้อดอยากแล้วเข้ายึดครอง?
รายงานล่าสุดเกี่ยวกับความตั้งใจของอิสราเอลที่จะขยายการปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสต่อต้านจากนานาชาติที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความอดอยากของผู้คนในดินแดนแห่งนี้ ที่กำลังอยู่ในขั้นยิ่งกว่าวิกฤต เนื่องจากอิสราเอลปิดกั้นความช่วยเหลือเกือบทั้งหมดไม่ให้เข้าสู่ฉนวนกาซาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมีเพียงช่องทางเดียวคือศูนย์มนุษยธรรมกาซา หรือ GHF ที่จัดตั้งโดยอิสราเอลบวกกับเงินสนับสนุนของสหรัฐฯ
ชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคนถูกกองทัพอิสราเอลยิงขณะพยายามเข้าถึงศูนย์ GHF ที่อยู่ลึกเข้าไปในแนวควบคุมของอิสราเอล อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงให้การสนับสนุนองค์กรนี้ต่อไป แม้จะมีการร้องขอจากนานาชาติให้อนุญาตให้สหประชาชาติเป็นผู้แจกจ่ายความช่วยเหลือ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา อิสราเอลอนุญาตให้มีรถบรรทุกอาหารและการส่งความช่วยเหลือทางอากาศเพื่อแจกจ่ายให้กับฉนวนกาซา แต่ความช่วยเหลือดังกล่าวไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้คน
กองทัพอิสราเอลยังถูกกล่าวหาว่า โจมตีผู้แสวงหาความช่วยเหลือที่พยายามเข้าถึงรถบรรทุกความช่วยเหลือที่อยู่ห่างจากฐานปฏิบัติการ GHF ทางตอนเหนือของฉนวนกาซาด้วย
เมื่อวานนี้ ทรัมป์ยังย้ำว่าสหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่กาซาอย่างต่อเนื่อง เขากล่าวว่า “อย่างที่คุณทราบ สหรัฐฯ เพิ่งบริจาคเงิน 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อจัดหาอาหาร – จริงๆ แล้วถือว่าเป็นอาหารจำนวนมาก – ให้กับประชาชนในฉนวนกาซาที่กำลังอดอยาก และผมรู้ว่าอิสราเอลจะช่วยเราในเรื่องนั้น ทั้งในแง่ของการกระจายสินค้าและเงินทุน เรายังมีประเทศอาหรับ ที่จะช่วยเราในเรื่องนั้น ทั้งในด้านเงินทุนและอาจจะรวมถึงการกระจายสินค้า”
การโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอลคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 61,000 ราย และทำลายล้างพื้นที่ส่วนใหญ่จนราบเป็นหน้ากลอง ซึ่งกลุ่มสิทธิมนุษยชนและผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติเรียกการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์