โรคใหม่ระบาดในจีน7,000 ราย! รู้จัก ไวรัสชิคุนกุนยา โรคที่มียุงเป็นพาหะ
“ไวรัสชิคุนกุนยา” (Chikungunya Virus) หรือ “โรคชิคุนกุนยา” โรคที่มียุงเป็นพาหะแพร่เชื้อให้ผู้คนมากกว่า 7,000 คน ในอย่างน้อย 13 เมืองในประเทศจีน ได้ก่อให้เกิดมาตรการป้องกันที่คล้ายคลึงกับที่ใช้ในช่วงการระบาดของโควิด-19 เพื่อพยายามหยุดยั้งการแพร่ระบาด แม้ว่าไวรัสนี้จะไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ก็ตาม
“โรคชิคุนกุนยา” เป็นโรคที่มักพบได้ยากในประเทศจีน แต่การติดเชื้อได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วหลังจากตรวจพบผู้ป่วยที่มาจากต่างประเทศในเมืองฝอซาน ซึ่งเป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และแพร่กระจายไปจากที่นั่น ตามรายงานของ New York Times
“เชื้อไวรัสชิคุนกุนยา” ซึ่งแพร่กระจายผ่านการกัดของยุงที่มีเชื้อเท่านั้น ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วกว่า 12 เมืองในมณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ ทางตอนเหนือของฮ่องกง โดยมีผู้ติดเชื้อเกือบ 3,000 รายในสัปดาห์ที่แล้วเพียงสัปดาห์เดียว ตามรายงานของBBC
ล่าสุดforbes รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อทะลุ 7,000 รายแล้ว ใน 13 เมืองทั่วประเทศจีน และพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ฮ่องกงรายงานพบผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยารายแรกในเด็กชายวัย 12 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ตามรายงานของ สำนักข่าว NF News ของจีน เผยว่า ในมณฑลกวางตุ้ง ได้มีการบังคับใช้มาตรการต่างๆ ที่คล้ายกับที่ใช้ในช่วงการระบาดของโควิด-19 รวมถึงการกำหนดให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อทุกคนต้องกักกันตัวในโรงพยาบาล โดยใช้มุ้งจนกว่าจะตรวจพบเชื้อไวรัสเป็นลบ
ในขณะที่The Times รายงานว่า ทางการกำลังดำเนินการตรวจสอบตามบ้านเรือนทุกหลังเพื่อให้แน่ใจว่า"น้ำนิ่ง" ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงได้หมดไปและผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมืออาจถูกปรับ หรือเผชิญกับข้อกล่าวหาทางอาญา ฐาน "ขัดขวางการป้องกันโรคติดเชื้อ" ตามเอกสารของรัฐบาล
มาตรการป้องกันอื่นๆ
- การนำelephant mosquitoes หรือ "ยุงช้าง" เข้ามาในพื้นที่ โดยหวังว่าตัวอ่อนของยุงจะกินยุงที่เป็นพาหะไวรัส
- ปล่อยปลาที่กินยุง ลงในบ่อน้ำในท้องถิ่น
- พ่นยาฆ่าแมลง
- ส่งโดรนออกไปเพื่อทำภารกิจระบุแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
ไวรัสชิคุนกุนยาคืออะไร ?
โรคชิคุนกุนยาเป็นไวรัสที่มียุงเป็นพาหะมักมีอาการปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ผื่น และข้อต่อบวม
แม้ว่าอาการส่วนใหญ่มักจะหายภายใน 2 สัปดาห์ แต่อาการปวดข้อที่ “ทำให้ร่างกายทรุดโทรม” อาจคงอยู่ได้นานหลายเดือนหรือหลายปี
ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก อาการปวดข้อถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ของโรคชิคุนกุนยา และหากไม่มีอาการดังกล่าว ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสอาจถูกวินิจฉัยผิดพลาดได้ง่ายว่าเป็น “ไข้เลือดออกหรือไข้ซิกา” ทำให้ยากที่จะทราบจำนวนผู้ติดเชื้อที่แน่ชัด
- โรคชิคุนกุนยา ถูกตรวจพบครั้งแรกทางตอนใต้ของแทนซาเนียในช่วงทศวรรษ 1950 ชื่อของโรคนี้มาจากคำในภาษาคิมาคอนเด (Kimakonde) ทางตอนใต้ของแทนซาเนีย ซึ่งแปลว่า “สิ่งที่โค้งงอขึ้น” ซึ่งหมายถึงท่าทางที่บิดเบี้ยวของผู้ที่มีอาการปวดข้ออย่างรุนแรง
ไวรัสชิคุนกุนยาแพร่กระจายได้อย่างไร?
โรคชิคุนกุนยาไม่ใช่โรคติดต่อหรือติดต่อจากคนสู่คน แต่สามารถติดต่อสู่คนได้ผ่านการถูกยุงที่มีเชื้อกัดเท่านั้น
- แต่คนเราสามารถแพร่เชื้อกลับไปยังตัวยุงได้ ดังนั้น หากยุงที่ไม่ติดเชื้อกัดคนที่เป็นไข้ชิคุนกุนยา ยุงก็สามารถติดเชื้อไวรัสและแพร่เชื้อไปยังคนปกติคนต่อไปที่โดนยุงกัดได้
มีวัคซีนป้องกันโรคชิคุนกุนยาหรือไม่ ?
ในสหรัฐอเมริกามีวัคซีน 2 ชนิด ที่ได้รับอนุมัติให้ใช้ ได้แก่IXCHIQ ซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อเป็นชนิดอ่อนฤทธิ์ ได้รับการอนุมัติให้ใช้กับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
และ VIMKUNYA ซึ่งเป็นวัคซีนอนุภาคคล้ายไวรัส ได้รับการอนุมัติให้ใช้กับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) แนะนำให้ฉีดวัคซีนนี้เฉพาะผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคชิคุนกุนยาเท่านั้น
ไวรัสชิคุนกุนยา พบมากที่สุดที่ไหน ?
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) เตือนว่านักเดินทางจากสหรัฐอเมริกาที่เดินทางไปยัง บราซิล โคลอมเบีย อินเดีย เม็กซิโก ไนจีเรีย ปากีสถาน ไทย และฟิลิปปินส์ มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ CDC ยังได้ออก ประกาศเตือนภัยการเดินทาง ระดับ 2 สำหรับเมืองฝอซาน และแนะนำให้ผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวฉีดวัคซีน ขอแนะนำให้ผู้ที่เดินทางไปป้องกันยุงกัดด้วยการสวมยากันยุง เสื้อแขนยาว และกางเกงขายาว สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าว