‘พลังแห่งความสงสัย‘ เปิดประตูโลกกราฟิก ปั้นนักออกแบบทักษะรอบด้าน
คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดงานแสดงผลงานนักศึกษาภาคพิเศษ เสาร์ อาทิตย์ รุ่นที่ 4 จำนวน 36 โครงการ ณ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีอาจารย์กอบกิจ ประดิษฐผลพานิช Head of Corporate Communication และ Head of Academic Group 2 ของ DPU เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ กมลศิริ วงศ์หมึก คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์และคณาจารย์ในคณะ ร่วมแสดงความยินดีและให้กำลังใจนักศึกษา ในวันที่ทุกคนได้ถ่ายทอดศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ที่หล่อหลอมตลอดระยะเวลาการเรียน
โดยงานนิทรรศการประกอบด้วยผลงานหลากหลายที่นักศึกษาใช้เวลากว่า 6 เดือนในการพัฒนา ทั้งงานด้าน Packaging, UX/UI, การออกแบบสภาพแวดล้อม, การสร้าง character และการออกแบบแบรนด์ส่วนตัว ทุกชิ้นไม่เพียงแค่มีความสวยงามในเชิงกราฟิก แต่ยังสะท้อนกระบวนการคิดเชิงนามธรรมที่เชื่อมโยงกับชีวิต สังคม และผู้ใช้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'CIBA DPU' ดึงเกมเสริมทักษะรอบด้าน ปั้นคนรุ่นใหม่สู่ธุรกิจโลจิสติกส์
เซียน DPU ชี้ชัด! 'รสชาติ-ใครซื้อ?' กุญแจรวยธุรกิจอาหาร
ความอยู่รอดของแบรนด์ไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงสินค้า
ชินาพัฒน์ พิมพ์ศรีแก้ว ผู้จัดการทั่วไปปฏิบัติการ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน ได้กล่าวบนเวทีเปิดงานนิทรรศการว่า งานนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ได้นำผลงานที่เราอุตส่าห์คิด อุตส่าห์จินตนาการ แล้วนำเสนอออกมาเป็นรูปธรรม เพื่อให้นักศึกษาได้นำผลงานไปจัดแสดงและเผชิญกับโลกภายนอก
ชินาพัฒน์ ยังให้คำแนะนำที่สำคัญแก่นักศึกษา โดยย้ำว่า หลายๆ ความฝันนั้นอาจไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และเมื่อต้องออกไปเผชิญกับโลกภายนอกแล้ว ควรใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยกับผู้เยี่ยมชมงาน เพื่อสอบถามความคิดเห็น ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษาสามารถเติมเต็มความคิดของตนเองได้ เนื่องจาก ทุกๆ อย่าง เวลาเราทำ เวลาเราคิดนั้นง่าย แต่ของจริงคือมันไม่ได้ง่ายเลย
นอกจากนี้ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ ชินาพัฒน์ ได้เน้นย้ำถึงปัจจัยสำคัญต่อความอยู่รอดของแบรนด์ โดยยกตัวอย่างแบรนด์เสื้อผ้าที่เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา แต่มีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่สามารถอยู่รอดได้ โดยกล่าวว่า ความอยู่รอดของแบรนด์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่ตัวสินค้า สไตล์ หรือความพึงพอใจส่วนตัวเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "ความต้องการของผู้บริโภค" ดังนั้น สิ่งที่นักศึกษาและผู้ประกอบการควรทำคือ ค้นหาตัวเองให้พบ ค้นหาความต้องการของลูกค้าให้ได้ แล้วจึงสร้างสินค้าให้ตรงกับความต้องการนั้น เราก็จะอยู่รอดได้
ด้าน อาจารย์กิรติ ศรีสุชาติ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะศิลปกรรมศาสตร์ DPU เปิดเผยว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องรู้จักนำเสนอหรือขายตัวเองให้เป็น งานนิทรรศการนี้จึงเป็นเหมือนกระบวนการฝึกที่สอนให้นักศึกษารู้จักการนำเสนอ บริหารจัดการอีเวนต์ ติดต่อประสานงานกับผู้จัด และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในระดับจริง พร้อมระบุว่าการจัดงานมีปัญหาเกิดขึ้นทุกวัน เหมือนง่ายแต่ไม่ได้ง่าย
มีผลงานของนักศึกษาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผลงานที่จะนำไปจัดแสดงในระดับประเทศที่ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ซึ่งเป็นโชว์เคสใหญ่ของประเทศไทย และบางผลงานก็ถูก "เลือกไปจัดแสดง" ในโอกาสสำคัญ รวมถึงบางคนที่ได้รับการจ้างงานแล้ว
สำหรับผลงานที่ส่งไปเข้าร่วมงานแสดงในระดับประเทศนี้คือ “Loei-Loei Go” ของ น.ส.กาญจนา สงวนชาติชาย ซึ่งเป็นการออกแบบแบรนด์เชิงวัฒนธรรมที่ตีความ ตุ๊กตาอับเฉา สมัยรัชกาลที่ 3 ในฐานะนักเดินทางข้ามกาลเวลา สู่แนวคิด “Live to Wander” เพื่อปลุกชีวิตให้ประติมากรรมหินที่เคยใช้ถ่วงเรือเหล่านี้กลับมา "เดินทาง" ในโลกปัจจุบันและเป็นที่รู้จักในหมู่คนรุ่นใหม่
นอกจากนี้ ยังมีผลงาน “Infinizweed” โดย น.ส.ปริยาภัทร สายบัวต่อ ซึ่งสะท้อนการออกแบบสื่อสร้างสรรค์ที่ผสานอารมณ์และความทรงจำเกี่ยวกับวง Zweed n’ Roll ที่ประกาศพักวง นำไปสู่แนวคิด “Wave of Reverie” เพื่อรักษาความรู้สึกของเสียงดนตรีให้คงอยู่ในใจผู้ฟัง ซึ่งได้รับคำชมจากทางวงดนตรีชื่อดังอีกด้วย
อีกหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นของนิทรรศการนี้คือ "ป้ายและแอปพลิเคชันบอกตำแหน่งในสวน" ผลงานของ นภาวรรณ รัตนสุขสมบูรณ์ วัย 28 ปี ผู้เป็นทั้งนักศึกษาและผู้ที่ทำงานด้านการเงิน เธอได้เล่าถึง “จุดเริ่มต้น” ของโครงการว่า เมื่อได้เข้าชมสวนเบญจกิติ ซึ่งมีพื้นที่กว่า 450 ไร่ ผู้ที่ไปครั้งแรกมักจะสับสนในการค้นหาจุดต่างๆ เช่น ห้องน้ำ หรือลานกิจกรรม จากปัญหานี้เอง นภาวรรณจึงเล็งเห็นความจำเป็นในการบอกตำแหน่งและค้นหากิจกรรมภายในสวน
ด้วยเหตุนี้ นภาวรรณจึงได้ริเริ่มพัฒนาโครงการนี้ขึ้น โดยพบว่ายังไม่มีใครทำโครงการลักษณะนี้มาก่อน เธอได้พัฒนาระบบที่สามารถอัปเดตกิจกรรมแบบเรียลไทม์และระบุตำแหน่งผ่านแผนที่ ด้วยความเชื่อมั่นว่าการมีแอปพลิเคชันจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและเป็นประโยชน์จริง เพราะแอปสามารถอัปเดตกิจกรรมแบบเรียลไทม์ได้ ณ วันนั้น นอกจากนี้ นภาวรรณยังได้ออกแบบกราฟิกให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อสร้างความประทับใจคล้ายแบรนด์ระดับโลกอย่าง Amazon หรือ Starbucks
แม้ปัจจุบัน นภาวรรณทำงานด้านการเงิน แต่ความชื่นชอบในงานกราฟิกเป็นแรงผลักดันให้เธอตัดสินใจศึกษาต่อในสาขานี้ โดยมองว่าสาขากราฟิกสามารถต่อยอดไปสู่งานด้าน UX/UI และการออกแบบผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เรียนที่มีพื้นฐานที่แตกต่างกัน นภาวรรณยังมองว่าหลักสูตรการเรียน "ค่อนข้างเข้มข้น" และสามารถเป็น "จุด start ได้ดี" ในการต่อยอดสายงานนี้ ซึ่งเตรียมความพร้อมสำหรับสายงานอย่าง UX/UI ที่บางครั้งต้องเรียนรู้การเขียนโปรแกรมเพิ่มเติม
นภาวรรณ ยังกล่าวชื่นชมบทบาทของคณาจารย์ของคณะศิลปกรรมฯ ว่า "อาจารย์ทำหน้าที่เป็น‘เมนทอร์’ ที่ให้คำแนะนำและชี้แนะแนวทาง แต่นักศึกษาเองต้องเป็นผู้เลือกเส้นทางและลงมือปฏิบัติจริง" ยิ่งไปกว่านั้น บทเรียนจากการจัดนิทรรศการครั้งนี้ทำให้เธอได้เรียนรู้การทำงานจริงแบบองค์กร โดยนภาวรรณเล่าว่า"ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน" และเปรียบการบริหารโครงการนี้กับการได้ "ลองชิมลาง" การทำงานในสภาพแวดล้อมจริง ซึ่งรวมถึงการจัดการทีม เนื้อหา งบประมาณ และการแก้ไขรายละเอียดที่ซับซ้อน เช่น การจัดการบัตรจอดรถ ถือเป็นบทเรียนอันล้ำค่าที่อยู่นอกเหนือจากเนื้อหาทางวิชาการ ประสบการณ์เหล่านี้ช่วยเพิ่มความ "มั่นใจ" ให้กับเธอเป็นอย่างมาก ทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงาน เพราะเธอได้เรียนรู้การแก้ไขปัญหาและการจัดการรายละเอียดเล็กน้อยที่กลายเป็นบทเรียนสำคัญในการพัฒนาตนเอง
ขณะที่ ดร.สเตฟานนี่ ไพลีน ทีล อาจารย์ที่ปรึกษานิทรรศการดังกล่าว เปิดเผยว่า หลักสูตรของคณะศิลปกรรมฯ ไม่ได้จำกัดความคิดของนักศึกษาให้อยู่ในกรอบ แต่เน้นการกระตุ้นให้ทุกคนสำรวจตัวเองและตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัว โดยเปรียบตนเองเป็น “ไฟฉาย” ที่ส่องนำทางเท่านั้น ส่วนหน้าที่ในการเลือกเส้นทางและลงมือทำต้องเป็นของนักศึกษาเอง
ดร.สเตฟานนี่ ย้ำว่า “งานกราฟิกไม่ได้มีเป้าหมายแค่ความสวยงาม” แต่คือการรวมศาสตร์หลากหลายแขนง ทั้งจิตวิทยา แบรนดิง ประเด็นสังคม หรือแม้แต่งานวิจัย ผลงานของนักศึกษาจึงมักสะท้อนความเข้าใจโลกในมิติที่ลึกขึ้น และแสดงให้เห็นว่ากราฟิกสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงเพื่อแก้ปัญหาและสร้างการเปลี่ยนแปลงได้
แนวทางการดูแลนักศึกษาแต่ละคนจึงไม่ใช่การสอนเหมารวม แต่คือการพูดคุยรายกรณี เพื่อเข้าใจทั้งพื้นเพ เป้าหมาย และข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลา งบประมาณ หรือแรงบันดาลใจ เพราะเป้าหมายของคณะไม่ใช่เพียงให้เรียนจบ แต่คือการ "เห็นก่อน แล้วจึงเกิดความชอบ" ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์จริง
ดร.สเตฟานนี่ ยังให้ความสำคัญกับบทบาทของมนุษย์ในยุค AI โดยเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการยังเป็นสิ่งที่เทคโนโลยีไม่สามารถแทนที่ได้ AI คำนวณจากสิ่งที่มนุษย์เคยทำ แต่ความสงสัยและการตั้งคำถามคือสิ่งที่ทำให้เราสร้างสิ่งใหม่ได้เสมอ
“ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรมาก หากอยากเรียนกราฟิก” ดร.สเตฟานนี่ กล่าวทิ้งท้ายแค่เตรียมใจ และความสงสัยให้พร้อมก็พอ เพราะสิ่งนี้คือเชื้อไฟของความคิดสร้างสรรค์ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดของทุกอย่าง