เพื่อนแท้ แคปปิตอลพอร์ตสินเชื่อ แตะ 789 ล้านบาท เดินหน้าขยายฐานลูกค้า – คุมความเสี่ยง
บริษัท เพื่อนแท้ แคปปิตอล จำกัด (PUEAN) เผยผลงานครึ่งปีแรก 2568 โดดเด่นเกินเป้า พอร์ตสินเชื่อรวมแตะ 789 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 40% จากปีก่อน พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจในครึ่งปีหลัง มั่นใจพอร์ตสินเชื่อแตะ 1,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้
นายวุฒิศิลป์ จรัสบวรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพื่อนแท้ แคปปิตอล จำกัด (PUEAN) ผู้ให้บริการสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์พลัส ภายใต้ชื่อ เพื่อนแท้ เงินด่วน เปิดเผยว่า
แม้ภาพรวมตลาดสินเชื่อรายย่อยช่วงครึ่งปีหลังจะมีความท้าทายจากหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น แต่บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ไม่แน่นอน เช่น เกษตรกร พ่อค้า และฟรีแลนซ์ ซึ่งมีสัดส่วนถึง 70% ของฐานลูกค้าทั้งหมด และเป็นกลุ่มที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินทั่วไปได้ยาก
ทั้งนี้ PUEAN ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างระมัดระวัง โดยเน้นสินเชื่อจำนำโฉนดที่ดินเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วน 99% ของการปล่อยสินเชื่อทั้งหมด และมีการลดมูลค่าสินเชื่อต่อหลักประกันในลูกค้าบางประเภท รวมถึงงดปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันและสินเชื่อรถยนต์ตั้งแต่ปี 2565 เพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการประเมินและปรับวงเงินสินเชื่อของกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงเป็นรายเดือน ส่งผลให้สามารถควบคุม NPLs (หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) ให้อยู่ในระดับต่ำเพียง 3.61%
เตรียมเปิดสาขาใหม่ ออกหุ้นกู้รองรับการเติบโต
นายวุฒิศิลป์ กล่าวว่าบริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยได้ใบอนุญาตสำหรับ บริษัท เพื่อนแท้ เงินด่วน (สมุทรสาคร) จำกัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะพร้อมให้บริการสินเชื่อรายย่อยในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2568 อีกทั้งเพื่อรองรับการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ PUEAN รวมแล้วปัจจุบัน บริษัทมีสาขาในแต่ละจังหวัด 26 สาขา และมั่นใจว่าจะสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อได้ถึงเป้าหมาย 1,000 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ยัง เตรียมเสนอขาย หุ้นกู้ PUEAN ครั้งที่ 2/2568 จำนวน 2 ชุด มูลค่ารวมประมาณ 200 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการขยายพอร์ตสินเชื่อ, บริหารจัดการโครงสร้างทางการเงิน, และชำระหุ้นกู้ชุดเก่าด้วย
“ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและนโยบายภาครัฐที่เอื้อให้พิโกไฟแนนซ์ปล่อยสินเชื่อในจังหวัดข้างเคียงได้ จะช่วยให้บริษัทสามารถขยายสาขาในอนาคตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมกับทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรมให้กับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระและเกษตรกร ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศอย่างยั่งยืน”