“ทรัมป์” กดดัน Apple ให้ผลิต iPhone ในสหรัฐ “ทิม คุก” ประกาศลงทุน 6 แสนล้านดอลลาร์
ท่ามกลางแรงกดดันจาก ทรัมป์ ที่ต้องการให้ Apple ย้ายฐานการผลิต iPhone กลับสหรัฐ ทิม คุก ประกาศแผนลงทุนครั้งใหญ่ 600,000 ล้านดอลลาร์ใน 4 ปี หวังแสดงความจริงใจในการสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ
วันที่ 7 สิงหาคม 2568 สำนักข่าว CNBC รายงานว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการให้บริษัท Apple ผลิต iPhone ภายในประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอของ Apple ก็พยายามดำเนินนโยบายเพื่อเอาใจผู้นำสหรัฐ โดยไม่ต้องยอมรับข้อเรียกร้องนั้นอย่างเต็มที่
เมื่อวันพุธ ทิม คุก ได้ปรากฏตัวที่ทำเนียบขาวร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อประกาศแผนการลงทุนในสหรัฐเป็นวงเงินประมาณ 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลา 4 ปี แม้ Apple จะยังไม่ประกาศการผลิต iPhone ที่ผลิตในสหรัฐ อย่างที่ทรัมป์ต้องการ แต่ก็ถือเป็นโอกาสที่คุกได้แสดงบทบาทของบริษัทในด้านการสนับสนุนการผลิตภายในประเทศ
ทิม คุก ระบุว่า ชิ้นส่วนที่มีมูลค่าสูงที่สุดบางรายการของ iPhone เช่น กระจกหน้าจอ และเซนเซอร์สแกนใบหน้า ผลิตโดยบริษัทในสหรัฐฯ ที่ Apple ร่วมมือด้วยมานาน ขณะที่กระบวนการประกอบขั้นสุดท้าย แม้จะสำคัญ แต่ก็เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของการผลิตทั้งหมด
“กระบวนการประกอบขั้นสุดท้ายที่หลายคนให้ความสนใจ จะยังคงเกิดขึ้นในต่างประเทศอีกสักระยะหนึ่ง”
ทรัมป์ดูพึงพอใจกับคำตอบนี้ในระดับหนึ่ง และกล่าวว่า “เขาผลิตชิ้นส่วนจำนวนมากในประเทศ และเราก็ได้พูดคุยกันไปแล้ว เรื่องนี้มันถูกตั้งรกรากในต่างประเทศมานาน ทั้งในแง่ต้นทุนและอื่น ๆ แต่ผมคิดว่าเราน่าจะมีมาตรการจูงใจให้เขาย้ายกลับมาในสักวันหนึ่ง”
หลีกเลี่ยงภาษี-และเลี่ยงความขัดแย้ง
นักวิเคราะห์ชี้ว่าการประกาศของคุกเป็นกลยุทธ์ที่ออกแบบมาอย่างดี เพื่อให้ Apple หลุดพ้นจากการถูกโจมตีจากรัฐบาลทรัมป์ในประเด็นภาษี โดยในระหว่างการพบปะอย่างเปิดเผย ทรัมป์ได้ประกาศว่ารัฐบาลมีแผนจะเก็บภาษีชิปที่อาจทำให้ราคาชิปเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่ Apple ซึ่งใช้ชิปหลายร้อยชนิดในอุปกรณ์ของตน จะได้รับการยกเว้นจากภาษีดังกล่าว
ปีเตอร์ โคแฮน ศาสตราจารย์ด้านกลยุทธ์และผู้ประกอบการจาก Babson College กล่าวว่า “ซีอีโอต่างก็เริ่มตระหนักว่าต้องทำอะไรบางอย่าง และพวกเขาก็ค้นพบว่าหากให้ประธานาธิบดีมีเรื่องไปคุยอวดได้ โดยไม่ทำลายธุรกิจของตัวเอง ปัญหาก็อาจหายไปสักพักหนึ่ง”
แนนซี่ เทงเลอร์ ซีอีโอของ Laffer Tengler Investments ซึ่งถือหุ้น Apple กล่าวว่า “สิ่งที่ทิม คุกแสดงให้เห็นในรัฐบาลชุดแรกคือ ความสามารถในการนำทางในสถานการณ์ที่อันตรายทางการเมืองได้อย่างชาญฉลาด การประกาศครั้งนี้มีความสำคัญในเชิงสัญลักษณ์มาก เพราะประธานาธิบดีต้องการข่าวพาดหัว”
จุดเด่นของแผน : โครงการสนับสนุนการผลิตในอเมริกา
หัวใจสำคัญของแผนคือโครงการ American Manufacturing Program ซึ่ง Apple กล่าวว่าจะช่วยจูงใจบริษัทอื่น ๆ ให้ผลิตชิ้นส่วนในสหรัฐฯ โดย Apple จะเพิ่มคำสั่งซื้อจากผู้ผลิตภายในประเทศ เพื่อเสริมสร้างทักษะและขีดความสามารถของซัพพลายเออร์ และสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
Apple ระบุว่าในปีนี้ ผู้ผลิตในสหรัฐจะผลิตชิปจำนวน 19 พันล้านชิ้นให้บริษัท ซึ่งต้องอาศัยการลงทุนและความร่วมมือที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน ตัวอย่างเช่น Apple ยืนยันว่ากระจกหน้าจอของ iPhone และ Apple Watch ทั้งหมด จะผลิตโดย Corning ที่รัฐเคนทักกี โดยจะลงทุนกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ในโครงการนี้ แม้โทรศัพท์จะประกอบในจีนหรืออินเดีย แต่พื้นผิวที่ผู้ใช้สัมผัสจะผลิตในสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley ตั้งข้อสังเกตว่า Corning ผลิตกระจกหน้าจอทั้งหมดให้ Apple อยู่แล้ว และธุรกิจในกลุ่ม Specialty Materials มีมูลค่าราว 2 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ดังนั้นรายได้จากโครงการใหม่นี้อาจไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
Apple ยังกล่าวถึงความร่วมมือกับ Coherent ผู้ผลิตเลเซอร์สำหรับระบบจดจำใบหน้า ซึ่งดำเนินการในเท็กซัส, Texas Instruments ซึ่งผลิตชิปควบคุมจอแสดงผลและ USB รวมถึง Samsung ที่ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปรูปแบบใหม่
นอกจากนี้ Apple จะเป็นลูกค้ารายใหญ่ของโรงงาน TSMC ในรัฐแอริโซนา และลงทุนในโรงงาน Amkor เพื่อบรรจุและทดสอบชิป รวมถึงขยายศูนย์ข้อมูลด้าน AI ในนอร์ทแคโรไลนา ไอโอวา เนวาดา และโอเรกอน
แม้หุ้นของบริษัทพันธมิตรจะปรับขึ้น แต่JPMorgan เตือนว่า “โครงการใหม่และการขยายความร่วมมือเหล่านี้อาจไม่ได้เพิ่มรายได้โดยรวมในระดับโลกมากนัก”
ขณะที่ทรัมป์ตอบรับด้วยความพึงพอใจ โดยระบุว่า “ผมชอบมากเลยที่คุณทำเรื่องนี้” เขากล่าวหลังอ่านข้อความคำมั่นของ Apple
ค่าใช้จ่ายประจำธุรกิจ หรือแผนใหญ่?
แม้ Apple จะประกาศตัวเลขการลงทุน 600,000 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ไม่มีหน่วยงานใดสามารถตรวจสอบได้ว่าใช้จริงเพียงใด บริษัทไม่เปิดเผยรายละเอียดการใช้จ่ายในสหรัฐ และซัพพลายเออร์ส่วนใหญ่มีข้อผูกพันห้ามเปิดเผยข้อมูล
Apple กล่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า การลงทุน 500,000 ล้านดอลลาร์ครอบคลุมถึงการจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ในสหรัฐฯ การจ้างงานโดยตรง ศูนย์ข้อมูล การผลิตรายการ Apple TV+ และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ
การประกาศล่าสุดเพิ่มยอดการลงทุนเป็น 150,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี จากเดิมที่เคยประกาศไว้ที่ 125,000 ล้านดอลลาร์ และเริ่มต้นที่ประมาณ 70,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 สมัยรัฐบาลทรัมป์ชุดแรก
อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้ยังน้อยกว่างบรวมทั่วโลกของ Apple มาก ในปีงบประมาณ 2567 บริษัทใช้เงินกว่า 275,000 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก แบ่งเป็นต้นทุนสินค้า 210,000 ล้านดอลลาร์ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 57,500 ล้านดอลลาร์ และการลงทุน (CapEx) 9,450 ล้านดอลลาร์
เทฟเลอร์ ให้ความเห็นว่า การใช้จ่ายครั้งใหม่นี้ไม่น่าจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถในการทำกำไรของ Apple เพราะส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่บริษัททำอยู่แล้ว
แดน ไอเวส นักวิเคราะห์จาก Wedbush ซึ่งเคยประเมินว่า iPhone ที่ผลิตในสหรัฐฯ จะมีต้นทุนสูงจนผู้บริโภคอาจต้องจ่ายถึง 3,500 ดอลลาร์ กล่าวว่า
“แผนที่ประกาศเมื่อวันพุธแสดงให้เห็นแนวทางที่แตกต่างออกไป นี่คือ ‘ต้นทุนของการทำธุรกิจ’”
อ้างอิง : www.cnbc.com