CIB ทลายแก๊งเงินกู้เถื่อน "เงินมีความสุข" ดอกเบี้ยโหด 3,197% ต่อปี เงินหมุนเวียน 120 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบผู้ร่วมขบวนการ แอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อน เงินมีความสุข คิดดอกเบี้ยสุดโหดร้อยละ 3,197 ต่อปี พบเงินหมุนเวียนในระบบเดือนเดียวกว่า 120 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ.,
พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์, พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ., พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ, พ.ต.ท.ภาคิน สุขพรหม และ พ.ต.ท.หญิง สินีนาฏ เชิดชูตระกูลทอง รอง ผกก.5 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.พิชญากร แตงรอด สว.กก.5 บก.ปอศ. ร.ต.อ.ณัฐดนัย ปั้นสะอาด รอง สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุมตัวผู้กระทำความผิด จำนวน 1 ราย คือ นางวิลาวัลย์ฯ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.912/2568 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2568
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด”
สถานที่จับกุม บริเวณถนน หมู่ที่ 12 ตำบลธารเกษม อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี 2567 ได้มีผู้เสียหายหลายรายร้องเรียน ผ่านศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ (ศปน.ตร.) กรณีได้รับความเดือดร้อน จากการกู้ยืมเงินกับแอปพลิเคชันเงินกู้เถื่อน “เงินมีความสุข”
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. จึงได้ดำเนินการสืบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงจนทราบว่าการกู้ยืมเงินกับแอปพลิเคชันดังกล่าว โดยผู้กู้ต้องยินยอมให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลในโทรศัพท์มือถือ โดยในการกู้ยืมเงินจะมีการคิดค่าดำเนินการและค่าเอกสาร อีกทั้งยังเป็นการกู้ยืมเงินที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดในลักษณะของการเก็บดอกลอย คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 8.76 ต่อวัน หรือร้อยละ 262.8 ต่อเดือน หรือร้อยละ 3,197.40 ต่อปี ซึ่งหากชำระหนี้ไม่ตรงตามกำหนดเวลาจะมีการทวงถามหนี้กับผู้เสียหายและบุคคลใกล้ชิดอีกด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนสอบสวนและขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการไว้
ต่อมา จากการสืบสวนติดตามตัวผู้กระทำความผิด จึงพบเบาะแสว่า นางวิลาวัลย์ฯ หลบหนีกบดานอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี โดยมีลักษณะการปิดบังอำพรางถิ่นที่อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. จึงได้วางแผนปฏิบัติการ ตรวจสอบพื้นที่ต้องสงสัย จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบ นางวิลาวัลย์ฯ บริเวณถนน หมู่ที่ 12 ตำบลธารเกษม อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าทำการตรวจสอบและจับกุมตัวพร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ
ทั้งนี้ ในชั้นจับกุม นางวิลาวัลย์ฯ ให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง และรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา โดยให้การเพิ่มเติมว่า ได้มีคนชักชวนให้ไปทำงานแอดมินเกี่ยวกับบัญชีที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยให้ค่าตอบแทนบัญชีละ 5,000 บาท โดยนายหน้าจะขับรถมารับเพื่อไปส่งบริเวณช่องทางธรรมชาติระหว่างพรมแดน ไทย-กัมพูชา จากนั้นจะมีคนที่ฝั่งกัมพูชารอรับ ไปบริเวณตึกอินเตอร์เนชันแนล 5 ชั้น ซึ่งตึกนั้นมีคนวางกำลังคุ้มกันเป็นอย่างดี มีการตรวจความปลอดภัย สแกนสิ่งของก่อนเข้าไป เมื่อเข้าไปที่ทำงานพบคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เป็นจำนวนมาก และมีบอสชาวจีนคอยสั่งการผ่านล่ามให้ทำหน้าที่สแกนหน้า เป็นเวลา 1 เดือน เมื่ออยู่ครบตามกำหนดแล้ว บอสชาวจีนจึงสั่งให้กลับได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ในการนี้
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า แอปพลิเคชัน “เงินมีความสุข” ได้ถูกนำออกจากแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์มือถือแล้ว
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชน อย่าหลงเชื่อในการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือ และไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการกู้เงินนอกระบบผ่านแอปพลิเคชันปล่อยเงินกู้เถื่อนที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงเกินกว่า ที่กฎหมายกำหนด เพราะนอกจากอาจถูกบังคับทวงหนี้ด้วยความรุนแรงแล้ว ยังเสี่ยงต่อการที่ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย นำไปสู่ภาวะความเสี่ยงด้านการเงินและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว หากต้องการตรวจสอบแหล่งเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
สามารถตรวจสอบใบอนุญาตการปล่อยสินเชื่อ ได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้
- ธนาคารแห่งประเทศไทย เว็บไซต์ https://app.bot.or.th/BotLicenseCheck
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เว็บไซต์ http://www.1359.go.th/picodoc/comp.php
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.ต.พิชญากร แตงรอด สว.กก.5 บก.ปอศ. โทร. 063-862 9870
การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
- ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
- ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
- ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น