ปภ.เปิดวอร์รูมประสานทุกจังหวัด ติดตามสถานการณ์พายุ "คาจิกิ"
วันนี้ 24 ส.ค. 68 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดวอร์รูม (War room) ติดตามสถานการณ์พายุโซนร้อนกำลังแรง "คาจิกิ (KAJIKI)" ขานรับนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เตรียมพร้อมดูแลประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสถานการณ์พายุโซนร้อนกำลังแรง "คาจิกิ” ซึ่งคาดว่าอิทธิพลพายุดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่กับมีลมแรงบริเวณภาคอีสานตอนบน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค.68
ซึ่งรัฐบาล โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ห่วงใยผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดรวมถึงกรุงเทพมหานคร ให้ประสานการทำงานร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างใกล้ชิด โดยให้ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ และเตรียมอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยหากเกิดสถานการณ์รุนแรง พร้อมดูแลด้านการดำรงชีพให้ดีที่สุด รวมถึงให้ ปภ.แจ้งเตือนประชาชนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ รวม 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก จัดเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงเป็นการล่วงหน้า เพื่อปฏิบัติการเชิงรุกช่วยเหลือประชาชน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ขานรับนโยบายของ มท.1 และ มท.2 โดยจัดตั้งวอร์รูม War room พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พร้อมทั้งมีการประชุมติดตามสถานการณ์เป็นประจำทุกวัน และได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตระดมเครื่องจักรกลสาธารณภัยพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเข้าสนับสนุนพื้นที่เสี่ยงเป็นการล่วงหน้า
โดยกำหนดให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 พิษณุโลก เป็นจุดระดมทรัพยากร (Staging Area) ซึ่งขณะนี้เครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 2 สุพรรณบุรี เขต 16 ชัยนาท ได้เดินทางเข้าสู่พื้นที่เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ และกรณีมีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ให้จังหวัดรายงานข้อมูลมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยโดยเร็ว และ ให้ตรวจสอบเงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด หากพบว่าไม่เพียงพอต่อการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขอให้เร่งดำเนินการรวบรวมข้อมูลเพื่อขออนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน ส่งมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมรายงานสถานการณ์ ผลกระทบ และการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางทราบอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย มีความห่วงใยประชาชนในทุกพื้นที่ และพร้อมที่จะดูแลป้องกันความปลอดภัยจากสาธารณภัยอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการติดตามข้อมูลข่าวสารสามารถสอบถามข้อมูลหรือขอรับความช่วยเหลือผ่านสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง.