บัตรแรบบิท ลงทะเบียน 'รถไฟฟ้า 20 บาท' แบบไหนใช้ได้ ผูกวอลเลตอย่างไร
บัตรแรบบิท ใช้ลงทะเบียนร่วมโครงการ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ บัตรแบบไหนใช้ได้ ต้องผูกกับวอลเลตอะไร แล้วผูกกับวอลเลตที่เข้าร่วมอย่างไร
เปิดลงทะเบียนอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับโครงการ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ โดยสามารถลงทะเบียนได้ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ตั้งแต่เมื่อเที่ยงคืนที่ผ่านมา โดยไม่จำกัดสิทธิ์และจำนวนผู้ลงทะเบียน ทุกคนที่มีบัตรประชาชน 13 หลักสามารถเข้าร่วมได้ตลอดเวลา
โดยบัตรแรบบิท (Rabbit Card) เป็นหนึ่งในบัตรที่สามารถลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ ได้ และใช้งานได้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว รถไฟฟ้าสายสีทอง MRT สายสีเหลือง และ MRT สายสีชมพู
ทั้งนี้ บัตรแรบบิทที่สามารถลงทะเบียนในโครงการนี้ได้ ต้องมีฟังก์ชัน ABT (Account-Based Ticketing) ด้วยการผูกบัตรแรบบิทกับวอลเลตที่กำหนดไว้ก่อน
“ประชาชาติธุรกิจ” สรุปข้อมูลการใช้บัตรแรบบิท ว่าบัตรแบบไหนลงทะเบียนร่วมโครงการได้ มีขั้นตอนการลงทะเบียนอย่างไร และจะผูกกับวอลเลตที่กำหนดไว้อย่างไร
บัตรแรบบิท แบบไหนร่วม ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’
บัตรแรบบิท (Rabbit Card) สามารถใช้สิทธิ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ โดยต้องมีฟังก์ชัน ABT (Account-Based Ticketing) ด้วยการผูกบัตรแรบบิท กับ Rabbit Wallet หรือ Line Pay (อย่างใดอย่างนึง)
ทั้งนี้ บัตรแรบบิทมีอายุการใช้งาน 7 ปี นับจากวันที่ออกบัตร โดยเมื่อครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว บัตรแรบบิทนั้นจะกลายเป็นบัตรแรบบิทหมดอายุ ผู้ถือบัตรแรบบิทจะไม่สามารถเติมเที่ยวโดยสาร และ/หรือเติมเงินในบัตรแรบบิทหมดอายุได้
แต่ยังสามารถใช้เที่ยวโดยสาร (เงื่อนไขการใช้เที่ยวโดยสารเป็นไปตามที่บีทีเอสกำหนด) และ/หรือเงินคงเหลือในบัตรแรบบิทได้ หรือสามารถขอเงินคงเหลือในบัตรแรบบิทคืนได้ หากบัตรแรบบิทหมดอายุดังกล่าว มีการหยุดใช้งานไม่เกิน 2 ปี
ที่เว็บไซต์ https://service.rabbit.co.th/th/expirydate
สำหรับบัตรแรบบิทที่สามารถผูกกับวอลเลตได้ จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้
บัตรแรบบิทที่สามารถใช้ผูกกับ “ไลน์ เพย์ (LINE PAY)” ได้ ได้แก่ บัตรแรบบิทแบบเติมเงิน บัตรแรบบิทแบบเติมเที่ยวเดินทาง บัตรแรบบิทร่วมกับสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารกรุงเทพ (บัตรบีเฟิสต์), อิออน
บัตรแรบบิทที่สามารถใช้ผูกกับ “แรบบิท วอลเล็ท (Rabbit Wallet)” ได้ ได้แก่ บัตรแรบบิทมาตรฐาน บัตรแรบบิทคอลเลคชันพิเศษ บัตรแรบบิทร่วมธนาคาร เช่น บัตรเดบิตบีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท หรือบัตรเครดิตอิออน แรบบิท แพลทินัม นาฬิกาการ์มิน รุ่นที่มีฟังก์ชันแรบบิท รวมถึงบัตร Rabbit ABT และบัตรอื่น ๆ ตามที่บริษัทฯ กำหนด
ทั้งนี้ บัตรที่ไม่ได้ผูกกับ Line Pay หรือ Rabbit Wallet จะไม่สามารถใช้ลงทะเบียนเข้าร่วมาตรการ 20 บาทตลอดสายได้ และภายหลังการใช้บัตรแรบบิทลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ 20 บาทตลอดสายในแอปฯ ทางรัฐ จะไม่สามารถใช้แพ็คเกจเที่ยวเดินทาง (Xtreme Saving) ได้อีก (โปรดติดตามประกาศเพิ่มเติมจากผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS)
วิธีผูกบัตรแรบบิท กับ LINE PAY
สำหรับขั้นตอนการผูกบัตรแรบบิท กับกระเป๋าวอลเลต LINE PAY บนแอปพลิเคชั่น LINE มีขั้นตอนดังนี้
- เข้าเมนู LINE PAY ในไลน์ เลือกเมนู “BTS”
- กดลงทะเบียนบัตรแรบบิท
- กรอกหมายเลขบัตรแรบบิทที่ต้องการลงทะเบียน
- กดยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข แล้วกด “ต่อไป”
- เลือกช่องทางการชำระ โดยเลือกได้ทั้งจ่ายด้วยเงินคงเหลือใน LINE PAY, บัตรเดบิต, บัตรเครดิต และกด “ต่อไป”
- ติดต่อห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารของสถานีรถไฟฟ้า BTS เพื่อยืนยันการผูกบัตร
วิธีผูกบัตรแรบบิท กับ Rabbit Wallet
สำหรับขั้นตอนการผูกบัตรแรบบิท กับกระเป๋าวอลเลต Rabbit Wallet บนแอปพลิเคชั่น My Rabbit มีขั้นตอนดังนี้
- เข้าแอป My Rabbit ทำการเปิดบัญชี Rabbit Wallet ตามขั้นตอน
- เมื่อเปิดบัญชี Rabbit Wallet แล้ว เลือกเมนู “บัตรผูกกับวอลเลต”
- กรอกหมายเลขบัตรแรบบิท และกดปุ่ม “ถัดไป” (ทั้งนี้ บัตรแรบบิทที่ผูกกับวอลเลตได้ ต้องทำการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น โดยสามารถยืนยันตัวตนได้ผ่านแอป My Rabbit หรือที่ห้องจำหน่ายตั๋วรถไฟฟ้า BTS)
- กดปุ่ม “เริ่ม” จากนั้นแตะบัตรแรบบิทที่ด้านหลังโทรศัพท์ เมื่อแตะที่ด้านหลังโทรศัพท์สำเร็จแล้ว ถือการผูกกับวอลเลตสำเร็จ
นอกจากนี้ บัตรแรบบิท ยังมีการออกบัตรรุ่นใหม่ Rabbit ABT โดยเป็นบัตรแรบบิทที่ผูกกับระบบบัญชีออนไลน์แรบบิท วอลเล็ท และมีฟังก์ชัน ABT ในบัตรแรบบิท สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้ทันที สามารถใช้แตะจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีชมพู สายสีเหลือง และสายสีทองได้ รวมถึงร้านค้าและบริการที่รองรับการชำระด้วยบัตรแรบบิท โดยการชำระเงินจะถูกตัดจากแรบบิท วอลเล็ทเท่านั้น
ทั้งนี้ บัตร Rabbit ABT จะมีจำหน่ายที่ห้องจำหน่ายตั๋วรถไฟฟ้าสายสีเขียว สีชมพู สีเหลือง และสีทองทุกสถานี
อย่างไรก็ดี การผูกบัตรแรบบิท กับ Rabbit Wallet มีรายละเอียดสำคัญที่ต้องพิจารณาดังนี้
- กรุณาใช้เที่ยวเดินทางให้หมดก่อนทำการผูกบัตรแรบบิท กับแรบบิท วอลเล็ท หากผูกบัตรในขณะที่ยังมีเที่ยวเดินทางเหลืออยู่ จะไม่สามารถใช้เที่ยวเดินทางคงเหลือได้อีก
- การผูกบัตรแรบบิท กับ แรบบิท วอลเล็ท รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟนรุ่นที่มีฟังก์ชัน NFC เท่านั้น
- หากโทรศัพท์ของท่าน ไม่มีฟังก์ชัน NFC สามารถติดต่อห้องจำหน่ายตั๋วรถไฟฟ้าสายสีเขียว สีชมพู สีเหลือง และสีทอง เพื่อผูกบัตรแรบบิท กับแรบบิท วอลเล็ทได้
- บัตรแรบบิทที่จะนำไปลงทะเบียนรับสิทธิ์กับแอปทางรัฐ จะต้องมีข้อมูลชื่อเจ้าของบัตรตรงกับข้อมูลของชื่อผู้ที่ลงทะเบียนกับที่แอปทางรัฐ
- สามารถผูกบัตรแรบบิทได้ 1 ใบ / 1 บัญชีแรบบิท วอลเล็ท
- บัตรแรบบิทที่เคยผูกกับไลน์ เพย์แล้ว จะไม่สามารถใช้บัตรใบนั้นมาผูกกับแรบบิท วอลเล็ทได้อีก โดยสามารถใช้บัตรที่ผูกกับไลน์ เพย์ ลงทะเบียนรับสิทธิ์กับแอปทางรัฐได้เลย
- หากพบปัญหาในการผูกบัตรแรบบิท กับ แรบบิท วอลเล็ท กรุณาติดต่อห้องจำหน่ายตั๋วรถไฟฟ้าสายสีเขียว สีชมพู สีเหลือง หรือสีทอง
วิธีลงทะเบียน ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ แอปทางรัฐ
การลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ ผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” มีขั้นตอนดังนี้
- เปิดแอป “ทางรัฐ” และเข้าสู่ระบบตามขั้นตอน
- เลือก Banner ลงทะเบียนผูกบัตรรถไฟฟ้า 0 บาทตลอดสาย แล้วกด “อนุญาต”
- หน้าจอแสดงข้อมูลการลงทะเบียนผูกบัตร หลังจากอ่านข้อมูลครบถ้วนแล้ว ให้กด ‘ถัดไป’
- ศึกษาข้อกำหนดและเงื่อนไข จากนั้นกดทำเครื่องหมายถูก แล้วกด “ยอมรับ”
- กด “อนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลที่ตั้ง” เลือก “อนุญาตระหว่างใช้งานแอป”
- เข้าสู่ขั้นตอนการผูกบัตรโดยสาร เพื่อรับสิทธิในโครงการ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’
ทั้งนี้ หากผู้ลงทะเบียนอายุต่ำกว่า 10 ปี จำเป็นต้องยืนยันตัวตนเพิ่มเติมที่จุดบริการของ BTS และสามารถผูกบัตรโดยสารได้ 2 ประเภท ประเภทละ 1 ใบ
วิธีผูกบัตรแรบบิท รับสิทธิ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’
วิธีการผูกบัตรแรบบิท เพื่อลงทะเบียนรับสิทธิ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ ผ่านแอป ‘ทางรัฐ’ มีขั้นตอนดังนี้
- เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการผูกบัตร เลือก “ผูกบัตรแรบบิท”
- กรอกหมายเลขบัตรแรบบิท และที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของคุณ แล้วกด “ผูกบัตรแรบบิท”
- กด “ยืนยันการผูกบัตรแรบบิท”
- ระบบทำการยืนยันตัวตนการผูกบัตร แล้วแสดงสถานะการผูกบัตร
แพ็กเดินทาง BTS
นอกจากนี้ การเข้าร่วมโครงการ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ สำหรับผู้ที่ใช้บัตรแรบบิท มีข้อสำคัญที่ต้องรู้ คือ “แพ็กเกจเที่ยวเดินทาง” ที่เคยซื้อไว้ โดยก่อนหน้านี้ รถไฟฟ้าบีทีเอส ประกาศจะสิ้นสุดการจำหน่ายแพ็กเกจเที่ยวเดินทาง ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา
โดยหากมีเที่ยวเดินทางเหลือจากแพ็กเกจเดิม กรุณาใช้เที่ยวเดินทางจากแพ็กเกจเดิมให้หมดก่อน จึงค่อยกดเติมเที่ยวจากแพ็กเกจใหม่ โดยคูปองเที่ยวเดินทาง มีระยะเวลาในการกดเติมเที่ยวเดินทางบัตร โดยสารตามอายุแพ็กเกจ (7/30/60 วัน) นับจากวันที่ซื้อ และเดินทางเที่ยวแรก ภายใน 7 วัน หลังจากเติมเที่ยวเดินทางเข้าบัตรโดยสาร
สำหรับบัตรที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปทางรัฐ ใช้เที่ยวเดินทางที่เหลือได้ตามอายุแพ็กเกจ แต่ไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2568
ทั้งนี้ ผู้ใช้งานบัตรแรบบิทที่มีเที่ยวเดินทางคงเหลือ จะมีรายละเอียดการลงทะเบียนผูกกับวอลเลตเพื่อรองรับโครงการ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ ที่แตกต่างกัน
กรณีผู้โดยสารถือบัตรแรบบิท (ที่ไม่ผูกบัญชี Rabbit Wallet หรือ LINE Pay) จะต้องใช้เที่ยวเดินทางให้หมดก่อน เนื่องจากเที่ยวเดินทางที่คงเหลือ จะไม่สามารถโอนย้าย หลังจากผูกบัตรเข้ากับบัญชีดังกล่าว
หากใช้เที่ยวเดินทางหมดแล้ว สามารถนำบัตรแรบบิทผูกเข้ากับบัญชี Rabbit Wallet ตามขั้นตอน และลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปทางรัฐ
กรณีผู้โดยสารถือบัตรแรบบิทที่ผูกบัญชี Rabbit Wallet หรือ LINE Pay อยู่ก่อนแล้ว หากมีเที่ยวเดินทางเหลืออยู่ สามารถใช้บัตรดังกล่าว ลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปทางรัฐได้ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2568
และตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 หากมีเที่ยวเดินทางคงเหลืออยู่ในบัตรที่ไม่ได้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปทางรัฐ ยังสามารถใช้เที่ยวเดินทางคงเหลือได้ตามอายุแพ็กเกจ เช่น
- บัตรแรบบิทใบอื่น (ที่ไม่ได้ผูกบัญชี LINE Pay หรือ Rabbit Wallet)
- บัตรแรบบิทใบอื่น ที่ผูกคนละบัญชี (เช่น เที่ยวเดินทางเหลืออยู่บนบัตรแรบบิทที่ผูกบัญชี LINE Pay แต่บัตรที่ใช้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปทางรัฐ คือบัตรแรบบิทที่ผูกบัญชี Rabbit Wallet)
‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ ครอบคลุมกี่สาย ?
สายรถไฟฟ้าที่เข้าร่วมในโครงการ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ มีดังนี้
1. รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (สนามกีฬาแห่งชาติ – บางหว้า)
2. รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน (คูคต – การเคหะ)
3. รถไฟฟ้าสายสีทอง (กรุงธนบุรี – คลองสาน)
4. รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว – สำโรง)
5. รถไฟฟ้าสายสีชมพู (ศูนย์ราชการนนทบุรี – มีนบุรี)
6. รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ท่าพระ – เตาปูน – หลักสอง)
7. รถไฟฟ้าสายสีม่วง (คลองบางไผ่ – เตาปูน)
8. รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม (สถานีกลางกรุงเทพฯ – รังสิต)
9. รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (สถานีกลางกรุงเทพฯ – ตลิ่งชัน)
10. รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (พญาไท – สนามบินสุวรรณภูมิ)
โดยโครงการ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ จะเปิดลงทะเบียนผ่านแอป “ทางรัฐ” วันที่ 25 สิงหาคม 2568 เวลา 00:01 น. เป็นต้นไป โดยไม่จำกัดสิทธิ์ เฉพาะผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น ไม่มีวันปิดลงทะเบียน และไม่ต้องรีบลงทะเบียนตั้งแต่วันแรก
รฟม. ยังมีการรวบรวมคำถามที่พบบ่อย ในการลงทะเบียน ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ หนึ่งในนั้น คือ “การเปลี่ยนบัตรในภายหลัง กรณีบัตรหมดอายุ บัตรสูญหาย หรือต้องการเปลี่ยนไปใช้บัตรอื่น ๆ”
รฟม. ระบุว่า ภายหลังจากการผูกบัตรครั้งแรก หากผู้โดยสารมีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนบัตรโดยสาร จะต้องไปที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสาร (Ticket office) และให้เจ้าหน้าที่เปลี่ยนบัตรโดยสารให้เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์
ส่วนกรณีไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถลงทะเบียนร่วมโครงการ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ ได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารประจำสถานีรถไฟฟ้าทุกสถานี หรือจุดบริการที่กระทรวงคมนาคมกำหนด
หลังจากผูกบัตรเปิดสิทธิการใช้งานแล้ว จะสามารถเริ่มใช้สิทธิการเดินทางในโครงการ ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ ได้ตามประกาศที่รัฐบาลกำหนด โดยสามารถดูประวัติการเดินทางได้ที่ปุ่ม “สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทาง”
นายกฤชนนท์ อัยยะปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคมและโฆษกกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับการใช้งานจริง ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ตามหลักการ การที่จะครอบคลุมรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง 10 สาย ซึ่งหากกฎหมายลูกและขั้นตอนที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จทันตามกำหนด โดยการเดินทาง 1 เที่ยวไม่ว่าจะเชื่อมต่อกี่สาย จะถูกหักค่าโดยสารเพียง 20 บาทเท่านั้น ขากลับคิดเพิ่มอีก 20 บาท รวมไป-กลับไม่เกิน 40 บาทต่อวัน
ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนการใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือ EMV Contactless (Visa/Mastercard) กับบัตร Rabbit Card ในการลงทะเบียนผ่านแอพ “ทางรัฐ” นั้น ผู้ที่ลงทะเบียน 1 คน ต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย โดยจะต้องระบุเลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก จะสามารถลงทะเบียนบัตร EMV ได้ 1 ใบ และบัตร Rabbit Card ได้ 1 ใบเท่านั้น
โดยการใช้งานในระยะแรก จะให้บริการ 2 บัตรตามที่ได้ลงทะเบียนผ่านแอพฯ “ทางรัฐ” คือ
- บัตร Rabbit Card สามารถใช้บริการได้ 4 สาย คือ สายสีเขียว, สีทอง, เหลือง, ชมพู
- บัตร EMV Contactless ตามเงื่อนไขธนาคารที่เข้าร่วมให้บริการที่กำหนด สามารถใช้บริการได้กับ 6 สาย คือ สายสีแดง, น้ำเงิน, ม่วง, ชมพู, เหลือง, แอร์พอร์ต เรล ลิงค์ (ARL)
- การใช้งาน จะเสียค่าแรกเข้าการใช้บริการสูงสุด 20 บาทตลอดสาย
ทั้งนี้ผู้ใช้บริการหากทำการเปลี่ยนสายการเดินทางนอกสถานีจะจำกัดเวลา 30 นาที ส่วนหากอยู่ในสายเดิมจะจำกัดเวลา 180 นาที ซึ่งหากเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด จะคิดค่าแรกเข้าใหม่ทันที
“โครงการนี้ไม่ได้จำกัดเวลาในการลงทะเบียน ดังนั้นผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมนโยบายในครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องรีบลงทะเบียน เพราะไม่ได้จำกัดสิทธิ และไม่ได้จำกัดจำนวนแต่อย่างใด คนไทยที่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก สามารถลงทะเบียนได้ทุกคน” นายกฤชนนท์ กล่าว
นายกฤชนนท์ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมคาดว่าหลังเปิดใช้บริการจริง จะมีประชาชนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นราว 20% จากปัจจุบันที่มีผู้โดยสารเฉลี่ยวันละกว่า 1.7 ล้านคน/เที่ยว ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าการทดลองมาตรการ เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดงและสีม่วง เมื่อเปิดให้ใช้ฟรีหนึ่งสัปดาห์ ทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่า 39% สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการลดค่าโดยสารสามารถกระตุ้นการใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างมีนัยสำคัญ
‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ ครึ่งวันแรก ลงทะเบียนกว่าแสนคน
นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ในฐานะโฆษกกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า สำหรับการลงทะเบียนรถไฟฟ้า 20 บาท วันแรก ตลอดสาย เมื่อเวลา 12.00 น. ของ 25 สิงหาคม 2568 จำนวนยอดผู้ลงทะเบียนสำเร็จอยู่ที่ 100,360 คน โดยยอดจำนวนลงทะเบียนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ระบบแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และระบบการลงทะเบียนผูกบัตรยังคงใช้งานได้เป็นปกติ
แต่เนื่องด้วยจำนวนผู้ที่ต้องการเข้ารับสิทธิ์มีเข้ามาจำนวนมาก จึงทำให้การยืนยันตัวตนในบัตร EMV ของธนาคารซึ่งต้องส่งรหัส OTP มีปัญหา โดยเป็นปัญหาด้านการรองรับของระบบธนาคารนั้นๆ แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าประสานงานกับทางธนาคาร เพื่อให้สามารถรองรับผู้ที่ต้องการรับสิทธิ์ลงทะเบียนอย่างทั่วถึงต่อไป
นายกฤชนนท์ กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ที่บิดเบือนว่า ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี อาจ “เสียสิทธิ์” หรือ “ขาดทุน” หรือ “ไม่คุ้ม” หากลงทะเบียนใช้นโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยยืนยันว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ไม่เป็นความจริง และเป็นการนำเสนอข้อมูลที่ไม่รอบด้าน ทั้งนี้แนะนำว่าประชาชนอย่าหลงเชื่อ “ข่าวปลอม” ที่อาจเกิดจากผู้ไม่หวังดีและผู้ที่ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนตามวัตถุประสงค์ พร้อมย้ำว่า หากพบการปล่อยข่าวปลอม จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
“มาตรการ 20 บาทตลอดสายคือ โปรโมชั่นพิเศษ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของที่ผู้ใช้เดินทางด้วยรถไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปหรือผู้สูงอายุก็ตาม ดังนั้นอย่าหลงเชื่อข้อมูลบิดเบือน นโยบายนี้มีโปร่งใส ไม่มีการเอาเปรียบประชาชนอย่างแน่นอน ผู้โดยสารที่นั่งสั้น ๆ และค่าโดยสารไม่ถึง 20 บาทก็ยังจ่ายตามจริง ไม่ถูกบังคับให้จ่ายแพงขึ้นแต่อย่างใด” นายกฤชนนท์ กล่าว
นายกฤชนนท์ กล่าวว่า สำหรับผู้สูงอายุ ที่ได้รับสิทธิ์ ส่วนลดค่าเดินทาง 50% อยู่แล้วนั้น สามารถเลือกรับสิทธิ์ได้ตามความเหมาะสมของการเดินทาง โดยผู้สูงอายุที่มีความสนใจเข้าร่วมนโยบาย การคิดอัตราค่าโดยสาร หากลงทะเบียนด้วยบัตรที่กำหนด (บัตร Rabbit / บัตร EMV) ในแอปฯ “ทางรัฐ” การชำระค่าโดยสารด้วยบัตรที่นำมาลงทะเบียน ยังคงได้รับสิทธิ์ที่ลดหย่อนซึ่งค่าโดยสารที่ลดแล้วจะชำระสูงสุดไม่เกิน 20 บาท
ทั้งนี้ บัตรที่นำมาลงทะเบียนต้องเป็นบัตรสำหรับผู้สูงอายุ (บัตร Rabbit สำหรับผู้สูงอายุ/ บัตร MRT EMV หรือ Mangmoom EMV สำหรับผู้สูงอายุ) จึงได้จะรับสิทธิ์ลดหย่อยพร้อมชำระค่าโดยสารไม่เกิน 20 บาท
นายกฤชนนท์ กล่าวว่า กรณีผู้สูงอายุนำบัตร EMV ของธนาคารมาลงทะเบียน จะไม่ได้รับการลดหย่อยสำหรับผู้สูงอายุ แต่ยังคงได้รับสิทธิ์ตามมาตรการโดยชำระค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 20 บาท (เนื่องจากบัตร EMV ปกติยังไม่มีสิทธิ์ลดหย่อนในการเดินทาง)คำแนะนำสำหรับผู้สูงอายุ หากประสงค์ลงทะเบียนรับสิทธิ์ตามมาตรการ 20 บาท
ดังนั้นแนะนำให้ใช้บัตร Rabbit สำหรับผู้สูงอายุ/ บัตร MRT EMV หรือ Mangmoom EMV สำหรับผู้สูงอายุ ในการลงทะเบียนรับสิทธิ์
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : บัตรแรบบิท ลงทะเบียน ‘รถไฟฟ้า 20 บาท’ แบบไหนใช้ได้ ผูกวอลเลตอย่างไร
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net