โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ไขปมรายได้ YouTube เบื้องหลังการจ่ายซับซ้อน กับนโยบาย 'คอนเทนต์คุณภาพ'

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ถอดรหัสวิธีสร้างรายได้ของยูทูบเบอร์ และเบื้องหลังการจ่ายค่าตอบแทนที่ซับซ้อนและนโยบาย “คอนเทนต์คุณภาพ” ที่เข้มข้นขึ้น

ในยุคที่ใคร ๆ ก็สามารถเป็นครีเอเตอร์สร้างสรรค์คอนเทนต์บนแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ได้ การสร้างรายได้จากช่องทางนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่คำถามที่หลายคนอยากรู้คือ“ยูทูบจ่ายเงินให้ครีเอเตอร์อย่างไร ?”

บทความนี้ พาไปส่องกลไกการจ่ายค่าตอบแทนของ YouTube ที่ซับซ้อนและไม่ได้มีแค่สูตรสำเร็จเพียงหนึ่งเดียว โดยเฉพาะเมื่อแพลตฟอร์มเริ่มเข้มงวดกับนโยบาย “คอนเทนต์คุณภาพ” มากขึ้นเรื่อย ๆ

หัวใจของการจ่ายเงิน : โปรแกรมพาร์ตเนอร์ YouTube (YPP)

รายได้หลักของยูทูบเบอร์ส่วนใหญ่มาจาก YouTube Partner Program (YPP) ซึ่งเป็นประตูบานแรกที่ครีเอเตอร์ต้องผ่านเพื่อเริ่มต้นสร้างรายได้ โดยมีเกณฑ์หลัก ๆ ที่ต้องทำให้ได้ ดังนี้

  • มีผู้ติดตาม (Subscribers) อย่างน้อย 1,000 คน
  • มียอดดูวิดีโอสาธารณะ (Public watch hours) รวมกันอย่างน้อย 4,000 ชั่วโมง ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
  • มียอดดูวิดีโอสั้น (Shorts) สาธารณะ รวมกันอย่างน้อย 10 ล้านครั้ง ในช่วง 90 วันที่ผ่านมา
  • ไม่มีการละเมิดนโยบายของ YouTube

เมื่อผ่านเกณฑ์เหล่านี้ ครีเอเตอร์จะสามารถสมัครเข้าร่วม YPP และเปิดรับรายได้จากหลากหลายช่องทาง

รายได้จากโฆษณา : โมเดลแบ่งรายได้ 45/55

ช่องทางสร้างรายได้ที่คลาสสิกที่สุดคือ การแสดงโฆษณา ซึ่งเป็นรายได้หลักของยูทูบเบอร์ส่วนใหญ่ โดยยูทูบจะใช้โมเดลแบ่งรายได้ระหว่างครีเอเตอร์และแพลตฟอร์มแบบ 45/55 กล่าวคือ ยูทูบจะหักส่วนแบ่งไป 45% และจ่ายให้ครีเอเตอร์ 55% ของรายได้ที่เกิดจากโฆษณา

อย่างไรก็ตาม การคำนวณเงินที่ได้จากโฆษณาไม่ได้ตรงไปตรงมา แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่

CPM (Cost Per Mille) : หรือต้นทุนต่อการแสดงผลโฆษณา 1,000 ครั้ง ซึ่งตัวเลขนี้จะแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค, ประเภทของคอนเทนต์ และช่วงเวลาในแต่ละปี หากคอนเทนต์เป็นที่ต้องการของแบรนด์ เช่น คอนเทนต์เกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือการเงิน มักจะมีค่า CPM ที่สูงกว่า

จำนวนการดูโฆษณา (Ad Views) : ผู้ชมต้องดูโฆษณาจนจบหรืออย่างน้อยตามที่ยูทูบกำหนดจึงจะนับเป็นรายได้

ปัจจัยอื่น ๆ : ช่วงเวลาที่ลงวิดีโอ, ความยาวของวิดีโอ และแม้แต่พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายก็ส่งผลต่อรายได้จากโฆษณาได้ทั้งสิ้น

หลากช่องทางรายได้ : ยิ่งสร้างสรรค์ยิ่งมีโอกาส

นอกเหนือจากรายได้จากโฆษณา ยูทูบยังเปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้จากช่องทางอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของแพลตฟอร์มในการสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนสำหรับครีเอเตอร์ ได้แก่

การสมัครสมาชิกช่อง (Channel Memberships) : ผู้ชมสามารถจ่ายเงินรายเดือนเพื่อเป็นสมาชิกช่องและรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ

Super Chat และ Super Stickers : ผู้ชมสามารถจ่ายเงินระหว่างการไลฟ์สดเพื่อส่งข้อความหรือสติ๊กเกอร์พิเศษ

Super Thanks : ฟีเจอร์ที่ผู้ชมสามารถจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนครีเอเตอร์ได้โดยตรงบนวิดีโอที่อัพโหลดไว้แล้ว

รายได้จาก YouTube Premium : ยูทูบจะแบ่งส่วนแบ่งรายได้จากค่าสมัครสมาชิก YouTube Premium ให้กับครีเอเตอร์ตามสัดส่วนการดูวิดีโอ

YouTube Shopping : ครีเอเตอร์สามารถติดป้ายสินค้าของตัวเองหรือของแบรนด์ในวิดีโอเพื่อสร้างรายได้จากการขาย

เมื่อคุณภาพ คือนิยามใหม่สร้างรายได้

จากกลไกการจ่ายค่าตอบแทนที่กล่าวมาทั้งหมด ยูทูบกำลังให้ความสำคัญกับ “คุณภาพ” ของคอนเทนต์มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสะท้อนผ่านนโยบายที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของ “คอนเทนต์ที่ไม่ซ้ำซาก” และบทบาทของ “เสียงมนุษย์จริง” ที่กำลังเป็นประเด็นร้อน

YouTube กับนโยบาย “เนื้อหาซ้ำซาก”

ยูทูบมีนโยบายที่ชัดเจนว่า เนื้อหาที่ถูกนำมาใช้ซ้ำ (Reused Content) หรือเนื้อหาที่ถูกผลิตซ้ำ (Repetitious Content) จะไม่เข้าเกณฑ์การสร้างรายได้ในโปรแกรมพาร์ตเนอร์ (YPP) เพื่อป้องกันสแปมและคอนเทนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปั่นยอดวิวเพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้เพิ่มคุณค่าใด ๆ ให้กับผู้ชม

คำว่า “เนื้อหาซ้ำซาก” ไม่ได้หมายถึงแค่การอัพโหลดวิดีโอของคนอื่นมาใหม่ แต่รวมถึงวิดีโอที่ใช้เทมเพลตซ้ำๆ, สไลด์โชว์หรือภาพที่เลื่อนไปมาโดยไม่มีเสียงบรรยายที่สร้างสรรค์ หรือการนำคลิปจากแพลตฟอร์มอื่นมาตัดต่อโดยไม่ได้เพิ่มการวิเคราะห์หรือความคิดเห็นที่สำคัญ

“เสียงมนุษย์จริง” มีผลต่อการสร้างรายได้ จริงหรือไม่ ?

ประเด็นเรื่องการใช้ “เสียง AI” หรือ “เสียงมนุษย์จริง” กลายเป็นที่ถกเถียงกันมากขึ้นในยุคที่เทคโนโลยี AI สามารถสร้างเสียงสังเคราะห์ที่ใกล้เคียงกับเสียงมนุษย์ได้มาก อย่างไรก็ตาม นโยบายของ YouTube ไม่ได้ห้ามการใช้เครื่องมือ AI โดยตรง แต่เน้นย้ำที่ “คุณค่าที่เพิ่มเข้ามา” (Added Value) ของคอนเทนต์นั้น ๆ

เสียง AI ที่ถูกปฏิเสธการสร้างรายได้ : ส่วนใหญ่เป็นวิดีโอที่ใช้เสียง AI อ่านบทความ, อ่านข่าว หรือบรรยายภาพสต็อกแบบตรงไปตรงมา ซึ่งยูทูบมองว่าเป็นการผลิตคอนเทนต์จำนวนมาก (Mass-produced Content) ที่ไม่ได้เพิ่มคุณค่าหรือความสร้างสรรค์ใหม่ ๆ

เสียง AI ที่ยังสามารถสร้างรายได้ได้ : หากเสียง AI นั้นถูกใช้เพื่อเพิ่มมิติใหม่ให้กับวิดีโอ เช่น เป็นเสียงบรรยายที่ให้ข้อมูลเชิงลึกในวิดีโอที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด หรือมีการใช้ฟุตเทจที่ครีเอเตอร์สร้างขึ้นมาเองอย่างสร้างสรรค์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการศึกษาหรือความบันเทิงที่ชัดเจน

รายได้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือการสร้างสรรค์ที่ยั่งยืน

การจ่ายเงินของ YouTube ไม่ได้มีสูตรตายตัว แต่เป็นระบบที่ซับซ้อนซึ่งขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ตั้งแต่จำนวนยอดวิว, ประเภทของคอนเทนต์, พฤติกรรมผู้ชม, ไปจนถึงการใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่แพลตฟอร์มมีให้ และที่สำคัญที่สุดคือ คุณภาพและความเป็นต้นฉบับ ของเนื้อหา

ดังนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้ระยะยาวบน YouTube การพยายามสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพ, ไม่ซ้ำซาก และมีการเพิ่ม “ความเป็นมนุษย์” ลงไปในงาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงพากย์, การแสดงตัวตน หรือความคิดเห็นส่วนตัว จะเป็นแนวทางที่มั่นคงและยั่งยืนกว่าการพึ่งพาเทคโนโลยี AI เพียงอย่างเดียว

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ไขปมรายได้ YouTube เบื้องหลังการจ่ายซับซ้อน กับนโยบาย ‘คอนเทนต์คุณภาพ’

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ประชาชาติธุรกิจ

โตโยต้า ปลื้มแค่ 3 วัน ยอดจองสิทธิ์รถอีวี bZ4X ทะลุ 1,000 คัน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ดอลลาร์อ่อนค่าหลังพาวเวลล์ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

SIRI ควัก 50 ล้านบาท ตั้ง บ.ร่วมทุน “ซิริ-เอ็มเอฟ ทรี” มุ่งพัฒนาอสังหา

ข่าวหุ้นธุรกิจ

มาแน่ก.ย.เฟดลดดอบเบี้ยUOBAMแนะ2กองทุนเด่น

ทันหุ้น

“กรมทรัพยากรน้ำ” จัดประชุมวิชาการ “CEPA” ยกระดับอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำไทย

ข่าวหุ้นธุรกิจ

“ส.อ.ท.” เปิดยอดจดทะเบียน “รถอีวี” ใหม่ ก.ค. พุ่ง 1.2 หมื่นคัน โต 46%

ข่าวหุ้นธุรกิจ

สพด.มุกดาหาร บูรณาการ แปลงต้นแบบนาเปียกสลับแห้ง ‘มุกดา Smart Farm 349’

The Bangkok Insight

กบน. ลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดีเซล 50 สต. คาดสิ้นปี 2568 เงินกองทุนฯ จะพลิกเป็นบวกได้

THE STATES TIMES

ข่าวและบทความยอดนิยม

ไขปมรายได้ YouTube เบื้องหลังการจ่ายซับซ้อน กับนโยบาย 'คอนเทนต์คุณภาพ'

ประชาชาติธุรกิจ

ดอลลาร์อ่อนค่าหลังพาวเวลล์ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย

ประชาชาติธุรกิจ

ส่อง 3 ธุรกิจของ “มารี เบรินเนอร์” ร้านเหล้า ร้านอาหาร ร้านเสริมสวย

ประชาชาติธุรกิจ
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...