กรรมการเฟดรับกังวลความเสี่ยงเงินเฟ้อมากกว่าตลาดแรงงาน หลังรายงานประชุมชี้กรรมการเสียงแตก
กรรมการเฟดรับกังวลความเสี่ยงเงินเฟ้อมากกว่าตลาดแรงงาน หลังรายงานประชุมชี้กรรมการเสียงแตก
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -21 ส.ค. 68 12:25 น.
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เดือนก.ค. ระบุว่า กรรมการส่วนใหญ่มีความกังวลเรื่องความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ มากกว่าแนวโน้มตลาดแรงงาน ขณะที่ประเด็นเรื่องภาษีได้ก่อให้เกิดความแตกแยกเพิ่มขึ้นในหมู่คณะกรรมการ หลังกรรมการสองรายสนับสนุนให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง สวนทางมติที่ประชุมที่ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดยอมรับถึงความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและการจ้างงานที่อ่อนแอลง โดยรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เมื่อวันที่ 29-30 ก.ค. ที่ผ่านมา ผู้กำหนดนโยบายการเงิน 18 รายที่เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่เห็นว่า ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมีน้ำหนักมากกว่าความเสี่ยงที่ตลาดแรงงานจะอ่อนแอลง
โดยในการประชุมล่าสุด คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% โดยให้เหตุผลว่า ความไม่แน่นอนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หลังจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งแถลงการณ์ของเฟดในช่วงนั้นระบุว่า ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง แต่ยอมรับว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงพอสมควร
กรรมการบางส่วนมองว่า ความเสี่ยงต่อภารกิจคู่ขนาน (Dual mandate) ของเฟดโดยรวมยังสมดุลกัน ขณะที่อีกสองรายแสดงความกังวลต่อตลาดแรงงาน ซึ่งกรรมการสองรายนี้แม้จะไม่ได้ระบุชื่อในรายงาน แต่หมายถึง คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ (Christopher Waller) และมิเชล โบว์แมน (Michelle Bowman) ซึ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานอ่อนแอลง และโหวตสวนมติส่วนใหญ่ที่ให้คงอัตราดอกเบี้ย
โดยหลังการประชุมนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด แถลงว่า ผลกระทบจากภาษีต่ออัตราเงินเฟ้ออาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว แต่ยังจำเป็นต้องเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว โดยคณะกรรมการมีการถกเถียงกันว่า ภาษีจะส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเพียงครั้งเดียว หรือสร้างแรงกระเพื่อมที่ทำให้เกิดเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ทางด้านเจ้าหน้าที่หลายคนยังตั้งข้อสังเกตว่า อาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่าที่ผลกระทบจากภาษีจะส่งผลต่อราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกัน ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดยังบ่งชี้ว่า เฟดอาจยังคงมุมมองที่ระมัดระวังเกี่ยวกับเงินเฟ้อ แต่เป็นไปได้ว่าจะบั่นทอนความเชื่อมั่นเรื่องการจ้างงาน หลังจากที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิตส่งสัญญาณล่าสุดว่า บริษัทต่าง ๆ ได้เริ่มขึ้นราคาสินค้าเพื่อชดเชยต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนแสดงความกังวลว่า มาตรการภาษีจะส่งผลกระทบต่อราคาไปจนถึงปีหน้า
ภาพรวมตลาดแรงงาน
อย่างไรก็ตาม การปรับลดตัวเลขการจ้างงานที่ลดลงอย่างมาก สะท้อนถึงความอ่อนแอในตลาดแรงงานในช่วงเดือนพ.ค. - ก.ค. โดยการจ้างงานเติบโตในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.2%
ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายเฟดยังคงรอดูรายงานการจ้างงานอีกรอบ รวมถึงดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภค (PCE) เพื่อหาสัญญาณเงินเฟ้อเพิ่มเติม ก่อนการประชุมครั้งต่อไปในช่วงกลางเดือนก.ย.
การเผยแพร่รายงานการประชุมครั้งนี้ยังเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้ลิซ่า คุก ผู้ว่าการเฟดลาออกจากตำแหน่ง หลังบิล พัลที (Bill Pulte) ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการเงินเพื่อการเคหะ (FHFA) และพันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์ เรียกร้องให้อัยการสูงสุดสอบสวนสินเชื่อที่อยู่อาศัยของคุก โดยกล่าวหาว่าอาจเข้าข่ายการฉ้อโกงสินเชื่อดังกล่าว
ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายยังจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของพาวเวลล์ในการประชุมนโยบายเศรษฐกิจที่เมืองแจ็กสัน โฮล (Jackson Hole) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 ส.ค. นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยพาวเวลล์มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ "แนวโน้มเศรษฐกิจและการทบทวนกรอบนโยบาย" (Economic Outlook and Framework Review) ในเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณ 21.00 น. ของวันศุกร์ (22 ส.ค.) ตามเวลาไทย
ที่มา Bloomberg
รายงาน โดย Supak Hopuengju เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ