'พิชัย’ ถกสมาชิกสภาสหรัฐ พร้อมเดินตามข้อตกลงภาษีตอบโต้ 19%
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการหารือกับคณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา นำโดย Beth Van Duyne สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ณ ห้องงาช้าง ชั้น 20 อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง ซึ่งการหารือดังกล่าวเป็นการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
1. การลงทุนในประเทศไทย ฝ่ายสหรัฐฯ เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุน ขณะเดียวกัน ได้แลกเปลี่ยนความเห็นต่อหนี้สาธารณะของไทย
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า ปัจจุบัน หนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่ร้อยละ 64.2 ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product) ซึ่งโครงสร้างหนี้สาธารณะของไทย ประกอบด้วย
- หนี้ภายในประเทศร้อยละ 99.2
- หนี้จากภายนอกประเทศร้อยละ 0.8
- หนี้สาธารณะของไทยอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น
2. การขาดดุลการค้า (Trade Deficit) และมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ฝ่ายไทยได้แสดงความขอบคุณต่อสหรัฐฯ ที่ปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยเป็นร้อยละ 19 (ปรับจากเดิมร้อยละ 36) ภายใต้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ในการปฏิบัติตามข้อตกลง ได้แก่
- การเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตร สินค้าพลังงาน
- สินค้าทางทหารจากสหรัฐฯ
- การลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers: NTBs)
- การกำกับดูแลภาษีการถ่ายโอนสินค้าผ่านประเทศที่สาม (Transshipment)
อีกทั้งยังหารือในประเด็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทางสื่อดิจิทัล การฉ้อโกงทางการเงิน (Financial Fraud) และความสำคัญของสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะด้านแรงงานและการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงาน
ซึ่งฝ่ายไทยได้ชี้แจงถึงการดำเนินมาตรการคุ้มครองสิทธิแรงงานทั้งไทยและต่างด้าว ตลอดจนการปรับปรุงกฎหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองของแรงงานในประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งฝ่ายไทยได้ยืนยันเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยึดแนวทางสันติวิธีและการเจรจาอย่างสงบ
ทั้งนี้ ไทยไม่ประสงค์ให้สถานการณ์ดังกล่าวลุกลามหรือก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อความสัมพันธ์โดยรวมระหว่างสองประเทศ