‘แทนคุณ’ พาเหยื่อถูกหลอกลงทุนอสังหาฯ เสียหายกว่าพันล้านร้องดีเอสไอ
'อี้ แทนคุณ' พาเหยื่อ ร้อง ดีเอสไอ หลอกร่วมลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ อ้างตอบแทนสูง เสียหายกว่าพันล้านบาท
17 ก.ค.2568 - ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พากลุ่มผู้เสียหาย ถูกหลอกร่วมลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทตัวย่อ "H" ซึ่งมี 11 โครงการกระจายตัวในหลายพื้นที่ ทั้งกรุงเทพฯ พัทยาและต่างจังหวัด อ้างได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจำนวนมากและมีการให้ผู้บริหารซึ่งอ้างว่าเป็นเชนของโรงแรม และแบรนด์อสังหาริมทรัพย์จาก ต่างประเทศมาร่วมบริหารซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการแอบอ้างชื่อของโรงแรมดังในต่างประเทศ จึงทำให้ผู้เสียหายที่ลงทุนหลงเชื่อ มูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท โดยมี นายนทีธร มีชัย รองผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ และ พ.ต.ต.ธฤตวัน วนาพัทธ์ รองผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เป็นผู้แทนรับเรื่อง
นายแทนคุณ เปิดเผยว่า สำหรับโครงการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ทุกโครงการ มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท มีผู้เสียหายเข้าร้องเรียน กว่า 70 คน ความเสียหายหลักพันล้านบาท ซึ่งมีลักษณะแบ่งเป็น 4 ประเภท 1.ให้ผู้เสียหายซื้อบ้าน ที่อยู่อาศัย คอนโดมิเนียม แต่ปัจุบันยังก่อสร้างไม่เสร็จ และโอนไม่ได้ 2.ให้ผู้เสียหายซื้อห้องปล่อยเช่าแต่ไม่สามารถปล่อยเช่าได้ และอ้างว่าซื้อห้องเช่าจะให้ผลตอบแทนร้อยละ 7 ต่อปีทันทีที่ทำสัญญา 3.ชักชวนคนมาระดมทุนก่อสร้างโครงการ กว่า 500 ล้านบาท แต่กลับไม่นำมาลงทุนจริง อาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ และ 4.รูปแบบ Fraction บริษัทฯ อ้างรับซื้อคืนหากครบสัญญา 2 ปีแต่กลับซื้อคืนไม่ได้ อ้างผัดผ่อนจนเข้าสู่ปีที่ 3 แถมยังชักชวนอีกหลายคนมาร่วมลงทุน อ้างบอกให้ผลตอบแทนสูง โดยมีการใช้สื่อออนไลน์และออฟไลน์โฆษณาสร้างความน่าเชื่อถือ ทั้งนี้ ผู้เสียหายเคยพยายามติดต่อกับบริษัทฯ แต่ไม่มีความคืบหน้าอย่างใด
นายแทนคุณ เผยว่า ผู้เสียหายจึงต้องการให้ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษ และแจ้งเอาผิดกับกลุ่มผู้บริหารโครงการ เอเจนซี่ และตัวแทนขาย ใน 3 ข้อหาคือ 1.ความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน 2. พรก.กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน 3.พรบ.คอมพิวเตอร์ ม.14(1) นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมฯ โดยยังมีผู้เสียหายกลุ่มซื้อบ้านไม่ได้บ้าน จะร้องเอาผิดกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป โดยล่าสุดยังมีผู้เสียหายติดต่อร้องทุกข์เพิ่มต่อเนื่อง คาดว่าจะมีความเสียหายรวมไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท
"ทั้งนี้ บริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ชักชวนผ่านออนไลน์ โดยเพจเฟซบุ๊ก และผ่านเอเจนซี่ สร้างความน่าเชื่อถือ ว่ามีมูลค่าโครงการเป็นหมื่นล้านบาท โดย 11 โครงการ สร้างเสร็จเพียง 2 โครงการ อีก 9 โครงการ บางโครงการคืบหน้า 70% แต่หยุดสร้างแล้ว โดยโครงการมีทั้งคอนโดฯ กลางเมืองย่านสุขุมวิท และทองหล่อ และโรงแรมในพื้นที่ธุรกิจ ของกรุงเทพฯและพัทยา"
ด้าน นายเอ ตัวแทนผู้เสียหาย ระบุว่า ตนซื้อบ้านหลังราคาละ 18 ล้านบาทของโครงการดังกล่าว มีการทำสัญญาเรียบร้อย โอนเงินค่าชำระเดือนละ 2 แสนกว่าบาท จ่ายมาแล้ว 5 ล้านกว่าบาท โดยล่าสุดได้หยุดดำเนินการก่อสร้างแล้วคล้ายสภาพโครงการร้าง ซึ่งบริษัทอ้างว่าขาดสภาพคล่องทางการเงิน ทำให้ตนไม่ได้อะไรเลยนอกจากฉบับสัญญา
ส่วนทาง น.ส.บี ตัวแทนผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ตนได้ร่วมลงทุนซื้อห้องของโครงการและให้ปล่อยเช่า ซึ่งบริษัทอ้างให้ผลตอบแทนร้อยละ 7 ต่อปี และได้รับค่าตอบแทนจริงระยะหนึ่ง แต่หลังจากนั้นมีปัญหาไม่สามารถจ่ายเงินได้ และเมื่อครบสัญญาที่กำหนดสามารถขายคืนได้จะให้คืน 3 เปอร์เซ็นต์ แต่สุดท้ายบริษัทก็ไม่สามารถซื้อคืนได้ ส่งผลกระทบต่อปัญหาครอบครัว นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้เสียหายบางรายยังถูกชักชวนให้ซื้อห้องเพื่อปล่อยเช่าเพิ่มอีกด้วย