เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
#ทันหุ้น - บล.ฟินันเซียไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาดว่า SET Index จะยังอยู่ช่วงพักตัวระยะสั้นเข้าหาแนวรับ 1,200-1,210 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาดมาก ทำให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ล่าสุดตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 7.3 หมื่นราย (ตลาดคาด 1.1 แสนราย) รวมถึงมีการปรับลดตัวเลขเดือน พ.ค. และ มิ.ย. เหลือเพียง 1.9 หมื่นรายและ 1.4 หมื่นราย ตามลำดับ (ปรับลงอย่างมากจากระดับกว่า 1.4 แสนรายต่อเดือน)
ประกอบกับอัตราภาษีเพิ่มเติมที่สหรัฐฯประกาศในวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ Bond Yield สหรัฐฯร่วงลงแรง 20-30 bps และ Dollar Index อ่อนค่า 1.3% จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวที่ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง รวมถึงคาดว่า FED อาจจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น โดยล่าสุดคาดโอกาส 90% ที่จะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. และมีแนวโน้มต้องปรับลดปีนี้ 3 ครั้งในทุกการประชุม
ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสอยู่ที่การประกาศกำไร 2Q25 บจ.ว่าจะออกมาต่ำกว่าคาดหรือไม่ รวมถึงผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ 19% ต่อเศรษฐกิจในระยะถัดไป เราประเมินว่าหุ้น Defensive และ Consumer Staple มีแนวโน้มปรับตัวได้แข็งกว่าดัชนีโดยรวมวันนี้
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่ยัง Laggard ตลาดและมีกำไร 2Q25 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : BDMS, CPALL, CPN, MTC, SCGP
FSSIA Portfolio : BA, BDMS, CENTEL, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, STECON
หุ้นเด่นวันนี้ : GULF
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 59.50 บาท
• เราคาดกำไรปกติ 2Q25 ที่ 7.3 พันลบ. +40% q-q, +81% y-y เนื่องจาก NewCo เริ่มตั้งขึ้นวันที่ 1 เม.ย. อย่างไรก็ตามการเติบโตแข็งแกร่งจากแรงหนุนส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่สูงขึ้นจากสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มจาก 19% เป็น 40.44% นอกจากนี้คาดว่าจะมีการบันทึกกำไรพิเศษที่ไม่ใช่เงินสด 5.5 หมื่นลบ.จากการ Amalgamation
• เราคาด Sentiment ตลาดทั่วโลกที่เป็นลบจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ Bond Yield ปรับตัวลดลง ค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงแรง จะเป็นปัจจัยหนุนให้ GULF ปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดวันนี้
• แนวรับ 44-43//40 บาท แนวต้าน 46.75//48 บาท
ด้าน บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,205 – 1,210 แนวต้าน 1,225 – 1.230 คาดตลาดอยู่ในช่วงเวลาสร้างฐานใหม่ หลังก่อนหน้านี้ดัชนีได้ปรับรับข่าวบวกเกี่ยวกับอัตราภาษีสหรัฐไปแล้ว โดยตลาดกลับมาให้ความสนใจต่อรายงานงบ Q2/68 ของ บจ.ต่าง ๆ แนะนำทยอยซื้อ ADVANC, CPF, TFG, TFM, BCH, ADVICE, PLANB เป็นกลุ่มที่ Bloomberg Consensus คาดกำไร Q2/68 +QoQ, +YoY / เก็งกำไร BBL,KTB เป็น ธ.เจ้าหนี้ของ THAI ที่สามารถกลับมาซื้อขายใน ตลท.ส่งผลให้สามารถปรับชั้นขึ้นสู่ระดับลูกหนี้ปกติ
TFM* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.60 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q68 ที่ 194 ล้านบาท +47%QoQ, +50%YoY มีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของยอดขายอาหารกุ้งและอาหารปลา มียอดขายรวม 1.48 พันล้านบาท +20%QoQ, +14%YoY โดยสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มี margin สูงเพิ่มขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 22.9% ขณะที่ควบคุม SG&A/Sale ได้ดีลดลงอยู่ที่ 8.3% แนวโน้มปี 68 บริษัทคาดรายได้โต 7-9%YoY (1H68 +6.3%YoY) โดยหลักจากธุรกิจอาหารกุ้งและอาหารปลาในประเทศไทย แม้ตลาดกุ้งในอินโดฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ประเมิน GPM 19-21% มีแผนลงทุนรวมกว่า 300 ล้านบาท ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรลดต้นทุนและขยายกำลังการผลิต นอกจากนี้คาดว่ากำไรยังแข็งแกร่งใน 3Q68 ที่เป็น high season และมีโอกาสได้รับประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ไทยต้องเปิดตลาดทำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรในปี 68 ที่ 567 ล้านบาท +6%YoY
GFPT*(ซื้อเก็งกำไร/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 12.30 บาท) หุ้นกลุ่มธุรกิจฟาร์มมี Sentiment บวกจากไทยสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯได้ มีโอกาสที่ต้นทุนการเลี้ยงจะลดลง ทั้งนี้ ในส่วนของ 2Q68 BB Consensus คาดกำไรสุทธิ GFPT* ที่ 590 ลบ. (+1%YoY, -8%QoQ YoY) ทรงตัวจากฐานสูงในปีก่อน ขณะที่ QoQ กดดันบ้างจากไตรมาสก่อน McKey มี Fx gain ส่วนช่วงถัดไป 3Q68 คาดการดำเนินงานยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องตามฤดูกาล ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68 และ69 กำไรสุทธิของ GFPT* จะประคองตัวดีอยู่ที่ 2,077 ลบ.(+5%YoY) และ 2,067 ลบ.(-1%YoY) ตามลำดับ
ขณะที่ บล.ดาโอ SET คาดดัชนีฯ เริ่มเจอแรงขายทำกำไรหลังขึ้นมามาก และมี sell on fact เกิดขึ้น คาดเป็นการชะลอตัวในช่วงเวลาสั้นๆ และยังมีโอกาสที่จะกลับไปยืนเหนือ 1250 จุด ได้อีกครั้ง โดยตลาดหุ้นไทย ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก ข่าวดีคือ ปิดดีลภาษี 19% ไปแล้ว มีเรื่อง non-tariff ที่ต้องคิดต่อ ตลาดปรับตัวขึ้นมามาก อาจเห็นการขายทำกำไร และเข้าสู่ช่วงของการเก็งงบ 2Q โค้งสุดท้าย…. คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ไว้ที่ 1220-1260 จุด
• หุ้น Tech สหรัฐฯ ชี้นำตลาดหุ้นโลก แม้ตลาดหุ้นจะปิดสัปดาห์ในแดนลบจากความกังวลเรื่องรายงานการจ้างงานที่อ่อนแอและผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์ แต่ผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ส่วนใหญ่ออกมาแข็งแกร่งและเป็นไปตามความคาดหวังที่สูงขึ้น ซึ่งช่วยตอกย้ำสถานะผู้นำตลาด ….. เราประเมินว่า ถ้าหุ้น Tech สหรัฐฯปรับตัวลงต่อจากวันศุกร์ จะมีผลต่อตลาดหุ้นอื่นๆ รวมถึง Fund Flow ในเอเซียที่อาจชะลอลงไปด้วย
• ผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯ จบลงแล้ว ไทยได้ภาษีอยู่ที่ 19% ส่วนเงื่อนไข non-tariff ที่เราต้องนำเข้าสินค้าพลังงานและเกษตรมากขึ้นจะมีผลต่อหุ้นในตลาดไม่มาก หุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์ ได้แก่ DELTA, KCE, WHA, AMATA …. ทำเนียบขาวเปิดเผยแผนอัตราภาษีต่างตอบแทน (reciprocal tariff) ซึ่งจะทำให้อัตราภาษีเฉลี่ยของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 13.3% เป็น 15.2% สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 2.3% ในปี 2024 ….. EU เวียดนาม สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น มีการส่งออกไปสหรัฐฯ มากอันดับต้นๆ ขณะที่ไทยอยู่ในลำดับที่ 8 …. เราประเมินว่า ผลเจรจา เป็นตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้าจึงไม่ surprise การขายทำกำไรที่เกิดขึ้นในตลาดเอเซียวันศุกร์ จึงเป็นลักษณะของ sell on fact จากนี้ รอดู ผลของ non-tariff และการเสียงจากภาคธุรกิจต่างๆ
• THAI กลับเข้าซื้อขายในตลาดฯ 4 ส.ค. 68 คาดการซื้อขายจะคึกคักเป็นพิเศษ แต่จะมีหุ้นหมุนเวียนไม่มากนัก ทั้งนี้ การซื้อขายวันแรก จะยังไม่นำมาคำนวณดัชนีฯ
• วันนี้ 4 ส.ค. เป็นวันสุดท้ายของการส่งคำชี้แจงของนายกฯ แพทองธาร กรณีคลิปเสียงพูดคุย ฮุน เซน หลังจากที่ขอขยายเวลาแก้ข้อกล่าวหาถึง 2 ครั้ง คาดศาล รธน. จะพิจารณาและตัดสินคดีภายในกลาง-ปลายเดือน ส.ค.นี้ …. การยืดเวลาออกไป ทำให้ตลาดชะลอการรับรู้เรื่องนี้ออกไป ดีตลาดตลาด แต่เมื่อใกล้วันตัดสิน (1 สัปดาห์ก่อนรู้ผล) คาดจะเกิดการชะลอการลงทุน
• การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่มาเลเซีย เริ่ม 4 ส.ค. …. เรามองเป็นปัจจัยเสี่ยงของตลาด เพราะหากมีเหตุให้ใช้กำลังทางทหาร หรือได้เสียเปรียบมาก จะมีผลต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไปด้วย (ลบต่อตลาด)
• สัปดาห์นี้ 8 ส.ค. 68 MSCI เตรียมประกาศหุ้นเข้า-ออกดัชนีฯ เพื่อ Rebalance และจะใช้ราคาปิดวันที่ 27 ส.ค. 68 เก็งดัชนี MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย บวกต่อหุ้นขนาดใหญ่ของไทย ที่อยู่ใน MSCI Thailand อาทิ ADVANC, DELTA, PTT, AOT, GULF
• 14 ส.ค. 68 กำหนดส่งงบสุดท้าย โดย DAOL ประเมินกำไรตลาด 2Q/25 ไว้ที่ 2.5 แสนล้านบาท -2% YoY; -10%qoq (1Q/25 ที่ 2.82 แสนล้านบาท) …. สัปดาห์นี้ บริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศงบฯ ได้แก่ DOHOME, BCP, CPAXT, OR, CBG, NER, ONEE, QH, SAT, SEAFCO, SNNP, SPRC, TCAP
• โอเปกพลัส (OPEC+) ได้บรรลุข้อตกลงในหลักการที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 548,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกันยายน ….. ด้าน Exxon Mobil และ Chevron ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ผลประกอบการจะออกมาดี แต่ราคาหุ้นของทั้งสองบริษัทกลับปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบและตลาดหุ้นโดยรวม ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าและการเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+
• Event สัปดาห์นี้ : CPI ไทย(6), ตัวเลขเคลมว่างงานครั้งแรกสหรัฐฯ(7), ตัวเลขเงินเฟ้อจีน(9), CPI จีน(9), PPI จีน(9)
Technical : BCH, KAMART