SharpLink และ Ether Machine เดินหน้าสะสม Ethereum ต่อเนื่อง ดัน ETH ขึ้นแท่นสินทรัพย์สำรององค์กร
SharpLink และ Ether Machine เดินหน้าสะสม Ethereum ต่อเนื่อง ดัน ETH ขึ้นแท่นสินทรัพย์สำรององค์กร
ในขณะที่กระแสการลงทุนขององค์กรในคริปโตเคอร์เรนซีกำลังกลับมาอีกครั้ง บริษัท SharpLink และ The Ether Machine กลายเป็นสองผู้เล่นหลักที่เร่งสะสม Ethereum (ETH) เข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่องในระดับพันล้านดอลลาร์
ข้อมูลจาก Arkham Intelligence เผยว่า SharpLink เพิ่งเข้าซื้อ 15,822 ETH มูลค่าราว 53.9 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยมีการซื้อครั้งใหญ่ที่สุดอยู่ที่ 6,914 ETH หรือราว 23.56 ล้านดอลลาร์ ทำให้ยอดถือครองรวมของบริษัทพุ่งขึ้นสู่ 480,031 ETH หรือประมาณ 1.65 พันล้านดอลลาร์
ในช่วง 48 ชั่วโมงก่อนหน้า SharpLink ยังใช้ USDC ไปอีก 108.57 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อ 30,755 ETH ที่ราคาเฉลี่ย 3,530 ดอลลาร์ต่อเหรียญ อีกด้วย
Ether Machine แซง Ethereum Foundation
ฝั่ง The Ether Machine ก็ไม่น้อยหน้า ล่าสุดเพิ่งซื้อ 15,000 ETH มูลค่า 56.9 ล้านดอลลาร์ ในสัปดาห์เดียวกัน โดยทำการซื้อที่ราคาเฉลี่ย 3,809 ดอลลาร์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของเครือข่าย Ethereum
ด้วยการเข้าซื้อล่าสุดนี้ The Ether Machine ถือ ETH รวม 334,757 เหรียญ แซงหน้ามูลนิธิ Ethereum Foundation ที่ถืออยู่ 234,000 ETH ขึ้นแท่นอันดับ 3 ขององค์กรที่ถือ ETH มากที่สุด รองจาก BitMine และ SharpLink
Ether Machine ยังมีแผนระดมทุนเพิ่ม 1.6 พันล้านดอลลาร์ พร้อมเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายใต้ชื่อหุ้น ETHM ภายในปีนี้
Ethereum: สินทรัพย์สำรององค์กรยุคใหม่
Ray Youssef CEO ของ NoOnes กล่าวว่า Ethereum กำลังถูกมองเป็น "ลูกผสมระหว่างหุ้นเทคโนโลยีกับสกุลเงินดิจิทัล" ที่มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการทั้งผลตอบแทนจากการสเตก (staking), ความสามารถในการโปรแกรม และความสอดคล้องทางกฎหมาย
Ethereum ยังเป็นเครือข่ายที่โฮสต์สินทรัพย์ที่ถูกโทเคนไว้มากที่สุดในโลก โดยครองสัดส่วนถึง 58.1% ของตลาดสินทรัพย์จริงที่ถูกโทเคน มูลค่ารวมกว่า 13.4 พันล้านดอลลาร์
ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ทั้งโลกการเงินดิจิทัลและการลงทุนระยะยาว Ethereum จึงกลายเป็น “ทุนสำรองแห่งอนาคต” ที่บริษัทชั้นนำทั่วโลกต่างจับตา
อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/sharplink-ether-machine-accumulate-ethereum-2025
Arthur Hayes ขายคริปโต 13 ล้านดอลลาร์ เตือน Bitcoin มีโอกาสร่วงแตะ $100,000
Arthur Hayes ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Maelstrom Fund และอดีต CEO ของ BitMEX เตือนว่าแรงกดดันทางเศรษฐกิจมหภาคอาจทำให้ราคาของ Bitcoin ร่วงกลับไปที่ระดับ $100,000 ได้อีกครั้ง โดยเจ้าตัวได้ขายคริปโตไปแล้วกว่า 13 ล้านดอลลาร์ เพื่อเตรียมรับการปรับฐานนี้
Hayes อธิบายว่า การปรับฐานรอบล่าสุดของตลาดคริปโตมีสาเหตุมาจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าใหม่ หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payrolls) ในสหรัฐฯ เดือนกรกฎาคมออกมาต่ำเกินคาด โดยมีเพียง 73,000 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง
นอกจากนั้น Hayes ยังชี้ถึงปัญหา การเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัว ในหลายประเทศใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ GDP เติบโตต่ำลง และกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่าง Bitcoin และ Ethereum
ขาย ETH, ENA และ PEPE มูลค่ารวมกว่า 13 ล้านดอลลาร์
ตามข้อมูลจาก Lookonchain และ Arkham Intelligence พบว่า Hayes ได้ขายเหรียญหลัก ๆ ดังนี้:
- ETH มูลค่า $8.32 ล้าน
- Ethena (ENA) มูลค่า $4.62 ล้าน
- Pepe (PEPE) มูลค่า $414,700
หลังการขาย Hayes ยังถือครองเหรียญรวม $28.3 ล้านดอลลาร์ โดยในนั้นเป็น USDC มากถึง $22.95 ล้าน
ความกังวลด้านราคากับมุมมองที่แตกต่าง
แม้ว่า Hayes จะเตือนถึงความเป็นไปได้ที่ Bitcoin อาจร่วง 18.7% จากจุดสูงสุดที่ $123,000 ไปอยู่แถว $100,000 แต่ในอีกด้านหนึ่ง นักวิเคราะห์บางคนกลับมองว่ายุคของการปรับฐานแรง ๆ อาจผ่านพ้นไปแล้ว
Eric Balchunas นักวิเคราะห์จาก Bloomberg ระบุว่า ตั้งแต่การยื่นขออนุมัติ Bitcoin ETF โดย BlackRock ในปี 2023 เป็นต้นมา ความผันผวนของ Bitcoin ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และไม่มีการร่วงแรงแบบเดิมอีกเลย
ด้าน Mitchell Askew หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Blockware Solutions เสริมว่า ยุคของ "พุ่งแรง-ตกแรง" ของตลาดคริปโตอาจกลายเป็นเพียงอดีตไปแล้ว
อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/arthur-hayes-sells-crypto-warns-bitcoin-may-drop-to-100k
Arkham แฉการแฮ็ก BTC ครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์! หายไปกว่า 127,000 BTC จากเหมืองจีนปี 2020
Arkham Intelligence แพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชนชื่อดัง ได้เปิดเผยการแฮ็กครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคมปี 2020 ซึ่งส่งผลให้เหมืองคริปโตจีน LuBian สูญเสีย Bitcoin ไปมากถึง 127,426 BTC คิดเป็นมูลค่าเกือบ 14.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปัจจุบัน
นี่นับเป็นหนึ่งในคดีโจรกรรมคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ หากเทียบกับกรณีของ Mt. Gox ที่สูญ Bitcoin ไปประมาณ 744,000 BTC แต่ด้วยราคาที่ต่ำในช่วงนั้น ทำให้มูลค่าความเสียหายของ Mt. Gox ยังไม่แตะระดับพันล้านดอลลาร์ในขณะนั้น
LuBian เคยเป็นเหมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงกลางปี 2020 และเคยขึ้นแท่นอันดับ 6 ของเหมืองที่ใหญ่ที่สุดในเครือข่าย Bitcoin ก่อนจะหายไปจากวงการแบบไร้ร่องรอยในต้นปี 2021 ทำให้นักลงทุนหลายคนคาดการณ์ว่าอาจถูกสั่งปิดโดยรัฐบาลจีน หรือแปลงสภาพเป็นเหมืองแบบ private
แต่จากข้อมูลของ Arkham ระบุว่า สาเหตุแท้จริงมาจากการแฮ็กขนาดใหญ่ในวันที่ 28 ธันวาคม 2020 ซึ่งส่งผลให้เหมือง LuBian สูญเสีย Bitcoin ไปกว่า 90% ของที่ถือไว้ และต่อมาในวันที่ 29 ธันวาคม ยังมี BTC และ USDT มูลค่ารวม 6 ล้านดอลลาร์ถูกขโมยไปอีก
Arkham เชื่อว่า จุดอ่อนอยู่ที่ อัลกอริทึมสร้าง private key ที่ใช้งานง่ายเกินไป และอาจถูก brute-force ได้ ทำให้แฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึงกระเป๋าได้โดยตรง ปัจจุบัน LuBian ยังเหลือ Bitcoin อยู่ประมาณ 11,886 BTC หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.35 พันล้านดอลลาร์
แม้ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นหลายปีแล้ว แต่ที่น่าสนใจคือ แฮ็กเกอร์ยัง ไม่เคยเคลื่อนไหวเหรียญที่ขโมยไปเลย นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2024
ทาง LuBian พยายามสื่อสารผ่านBitcoin OP_RETURN ไปยังแอดเดรสของแฮ็กเกอร์ โดยส่งข้อความเป็นภาษาจีนว่า “ถึง whitehat ที่กำลังช่วยเรา หากคุณต้องการพูดคุยเรื่องการคืนสินทรัพย์และรางวัล กรุณาติดต่อเรา”
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าแฮ็กเกอร์ตอบกลับหรือไม่ และ Arkham เองก็ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์เพิ่มเติม
อ้างอิง : www.theblock.co
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/lubian-bitcoin-hack-2020-arkham